STEC - ซื้อ
งานในมือเพียบ
เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะฟื้นตัวจาก 4.4% ในปี FY20 สู่ 4.8% ใน FY21F หนุนจากโครงการใหม่ที่อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา STEC ชนะการประมูลโครงการใหม่มูลค่าราว 41% ของเป้าหมาย และบริษัทยังมีโอกาชนะการประมูลโครงการใหม่เพิ่มจากฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง คงคำแนะนำ ซื้อ พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ที่ 16.30บาท (จาก 17.0บาท)
อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวสู่ 4.8% จาก 4.4%
ฝ่ายบริหารคาดรายได้ปี FY21F ที่ 3.7 หมื่นลบ. เป็นอย่างน้อย (จาก backlog ที่มีอยู่แล้วในปีนี้) เทียบกับ 3.6 หมื่นลบ. ในปี FY20 อัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวจาก 4.4% ในปี FY20 สู่ 4.8% ใน FY21F หนุนจากโครงการใหม่ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น นอกจากนี้ บริษัทตั้งเป้าจะลงนามสัญญาโครงการใหม่มูลค่า 4.0 หมื่นลบ. ในปีนี้เพื่อคงระดับ backlog ไว้สูงกว่า 1.0 แสนลบ. เทียบกับ 1.086 แสนลบ. ณ ม.ค. 21
STEC จะมี backlog ใหม่เพิ่มขึ้นราว 41% ของเป้าหมาย
บริษัทเตรียมลงนามสัญญา 4 โครงการใหม่เป็นมูลค่า 1.65 หมื่นลบ. หรือ 41% ของเป้าหมาย ได้แก่ (1) ศูนย์ราชการโซน C มูลค่า 6.0 พันลบ., (2) รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีชมพู มูลค่า 3.0 พันลบ., (3) ปรับปรุงคลองชลประทาน มูลค่า 3.5 พันลบ., (4) มอเตอร์เวย์ มูลค่า 4.0 พันลบ.
การใช้งบประมาณก่อสร้างจะฟื้นตัวในปี 2021
มีโครงการของรัฐบาลหลายโครงการมูลค่ากว่า 4.0 แสนลบ. รอประมูลในปีนี้หนุนจากโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล ได้แก่ (1) โครงการรถไฟรางคู่ของ รฟท. (คาดผลการประมูลจะประกาศใน มิ.ย.), (2) รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้, (3) รถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก, (4) โครงการมอเตอร์เวย์อื่นๆ และ (5) โครงการปรับปรุงสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ขณะที่บริษัทคาดว่าจะชนะการประมูล 20-25% ของมูลค่าโครงการที่บริษัทเข้าร่วมประมูล
คงคำแนะนำ ซื้อ พร้อมราคาเป้าหมายใหม่ 16.30 บาท (จาก 17.00 บาท)
เราปรับคาดการณ์กำไรปี FY21F และ FY22F ลง 4% และ 3% ตามลำดับจากการปรับสมมติฐานอัตราส่วน SG&A ต่อยอดขายที่สูงขึ้นจาก 1.6% สู่ 1.9% โดยคำแนะนำ ซื้อ ของเราหนุนโดยฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และบริษัทร่วมทุนกับ BTS และ GULF จะเพิ่มโอกาสในการชนะการประมูลโครงการใหม่