'บลจ.กสิกรไทย' ปันผล 8 กองทุน LTF กว่า 1.3 พันล้านบาท จ่าย 15 มี.ค.นี้
"บลจ.กสิกรไทย" มองหุ้นไทยฟื้นตัวจากการมาของวัคซีน-สินค้าส่งออกได้เพิ่ม พร้อมจ่ายปันผล 8 กองทุนแอลทีเอฟ รวมกว่า 1.3 พันล้านบาท ดีเดย์ 15 มี.ค.2564
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต, CFA Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายปันผลกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long-Term Equity Fund: LTF) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 8 กองทุน ประกอบด้วย กองทุนชนิด LTF จำนวน 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล-C ชนิด LTF (KDLTF-C(L)) ในอัตรา 0.49 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล-C ชนิด LTF (K20SLTF-C(L)) ในอัตรา 0.13 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล-C ชนิด LTF (K70LTF-C(L)) ในอัตรา 0.31 บาทต่อหน่วย และ กองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล-C ชนิด LTF (KGLTF-C(L)) ในอัตรา 0.56 บาทต่อหน่วย
นอกจากนี้ การจ่ายปันผลในรอบนี้นับเป็นครั้งแรกของกองทุน LTF ชนิดจ่ายเงินปันผล อีกจำนวน 4 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (KDLTF-A(D)) ในอัตรา 0.28 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็คท์หุ้นระยะยาวปันผล-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K20SLTF-A(D)) ในอัตรา 0.36 บาทต่อหน่วย กองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K70LTF-A(D)) ในอัตรา 0.28 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดเค โกรทหุ้นระยะยาวปันผล-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (KGLTF-A(D)) ในอัตรา 0.24 บาทต่อหน่วย โดยทั้งหมดมีกำหนดจ่ายปันผลพร้อมกันในวันที่ 15 มีนาคม 2564 รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,320.97 ล้านบาท
นางสาวธิดาศิริกล่าวต่อไปว่า กองทุน LTF ทั้ง 2 ชนิด มีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการกองทุนแบบเชิงรุก (Active Management Strategy) มุ่งสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีชี้วัด (Benchmark) และมีนโยบายจ่ายปันผลปีละไม่เกิน 2 ครั้ง ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับเงินปันผลระหว่างการลงทุน และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนในหุ้นไทยในระยะยาว ทั้งนี้ กองทุน LTF ภายใต้การบริหารจัดการของ บลจ.กสิกรไทย จะยังคงได้รับการดูแลจากทีมผู้จัดการกองทุนอย่างใกล้ชิด ดังนั้น ผู้ลงทุนจึงวางใจได้ว่ากองทุน LTF ทั้ง 2 ชนิด จะยังคงได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดิม
“สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นไทย ในระยะสั้นคาดว่าตลาดยังคงผันผวนตามทิศทางตลาดหุ้นโลก รวมถึงยังมีประเด็นภายในประเทศที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 และสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง อย่างไรก็ดี ข่าวการได้รับและฉีดวัคซีน Sinovac และ AstraZeneca ในไทยช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนได้มาก ทำให้ผู้ลงทุนมีความหวังต่อการเปิดประเทศมากขึ้น ถึงแม้ว่า Valuation ของตลาดไทยอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับอดีต แต่ก็ถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจาก สภาพคล่องที่อยู่ในระดับสูงจากการดำเนินนโยบายทางการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายทั่วโลก ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย มองเป้าหมายดัชนีปลายปีไว้ที่ 1,600 จุด ภายใต้ความคาดหวังเรื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทย หลังจากเห็นความชัดเจนในการแจกจ่ายวัคซีน และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะสนับสนุนภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศได้” นางสาวธิดาศิริกล่าว
นางสาวธิดาศิริกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน LTF ชนิดจ่ายเงินปันผลอย่าง KDLTF-A(D), K20SLTF-A(D), K70LTF-A(D) และ KGLTF-A(D) สามารถเริ่มต้นลงทุนได้เพียง 500 บาท ผ่าน App K PLUS, K-My Funds, ธนาคารกสิกรไทย หรือ ผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน โดยติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนได้ตามช่องทางดังกล่าว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888