"ประยุทธ์"สั่ง สศช.ดันเศรษฐกิจหมุนเวียนหวังพลิกโฉมประเทศ
นายกรัฐมนตรี สั่ง สศช.ช่วยหาวิธีช่วยผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน หวังพลิกโฉมเศรษฐกิจประเทศ พร้อมให้หาทางช่วยชาวบ้าน-เกษตรกรมีรายได้
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมได้รับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 โดยมีความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีแจ้งว่า ขอให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ควรปรับรูปแบบการนำเสนอรายงานภาวะเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายและในส่วนรายงานผลการดำเนินงานที่เป็นผลงานเด่นตามนโยบายรัฐบาล หน่วยงานที่รับผิดชอบควรคัดเลือกประเด็นเด่นที่น่าสนใจ โดยแยกออกจากงานตามยุทธศาสตร์และงานประจำ
ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ ยังขอให้ สศช.ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลปัจจัยสำคัญที่สร้างมูลค่าเพิ่มทางด้านเศรษฐกิจทำให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น การช่วยเหลือประชาชนหรือเกษตรกรที่เป็นฐานรากทางเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ และให้รายงานสถานการณ์ทางสังคมให้ที่ประชุมทราบครั้งต่อไป พร้อมทั้งขอให้ คณะกรรมการฯ มีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เสนอแนวคิดหรือประเด็นที่จะนำมาขับเคลื่อนภายใต้คณะกรรมการฯ เช่น ประเด็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก
ทั้งนี้ที่ผ่านมาสศช. ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 ของปี 63 และแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 64 โดยเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 63 ขยายตัวจากไตรมาสก่อน 1.3%โดยด้านการใช้จ่าย การบริโภคภาคเอกชนเริ่มกลับมาขยายตัว และการลงทุนภาครัฐขยายตัว ด้านการผลิต เริ่มกลับมาขยายตัว สาขาอุตสาหกรรมมีการผลิตในภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น โดยปี 2563 เศรษฐกิจไทยลดลง 6.1%เทียบกับการขยายตัว 2.3%ในปี 2562
ส่วนเศรษฐกิจโลกไตรมาสที่ 4 ของ ปี 63 ฟื้นตัวต่อเนื่องตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ดีขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยในปี 63 เศรษฐกิจโลกลดลง 3.5%เทียบกับการขยายตัว 3.0%ในปี 2562 ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 64 ประมาณการขยายตัวอยู่ที่ 2.5-3.5%
ทั้งนี้ในประเด็นการบริหารเศรษฐกิจในปีนี้ สศช.ให้ความสำคัญในหลายปัจจัย เช่น ในเรื่องการกระจายวัคซีนในประเทศ โดย สศช.ขอให้รัฐบาลปรับแผนการกระจายวัคซีนจากเดิมที่ให้คำนึงถึงปัจจัยเรื่องสาธารณสุขอย่างเดียวเป็นการพิจารณาปัจจัยด้านเศรษฐกิจมาใช้กระจายวัคซีนด้วย โดยเฉพาะการกระจายให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย และภาคการผลิตในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ส่วนในเรื่องปัจจัยอื่นๆที่สำคัญได้แก่ปัจจัยทางการเมืองที่ยังต้องดูแลให้การเมืองมีเสถียรภาพไม่กระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนซึ่งจะส่งผลดีต่อการลงทุนของประเทศไทยในระยะต่อไป