'ตลาดหุ้น' กับ 'เงินเฟ้อ'

'ตลาดหุ้น' กับ 'เงินเฟ้อ'

ในระยะ 3-4 เดือนข้างหน้า "เงินเฟ้อ" ในสหรัฐและทั่วโลกมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำของปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดทุนทั่วโลก และตลาดทุนก็กังวลกับแนวโน้มเงินเฟ้อในสหรัฐมากเกินไป ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานในระยะสั้น แต่ไม่รุนแรง

โดยปกติ เมื่อเริ่มเกิดความเสี่ยงว่าเงินเฟ้อจะเร่งตัวสูงขึ้นกว่าระดับเป้าหมาย สูตรสำเร็จของธนาคารกลางคือการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ รวมทั้งอาจทำการดูดซับสภาพคล่องส่วนหนึ่งออกจากระบบการเงินเพื่อให้ภาวะเงินตึงตัวขึ้น  

ที่น่ากังวล คือธนาคารกลางยุคนี้แทบไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับวิกฤตเงินเฟ้อเลย เพราะเงินเฟ้อทั่วโลกเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับเฉลี่ยเพียง 2-3% นับตั้งแต่ปี 2014 ขณะที่บางประเทศเช่น ญี่ปุ่น และกลุ่มยูโรโซน บ่อยครั้งต้องพยายามกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อในระบบเศรษฐกิจด้วยซ้ำ  

ในความเห็นส่วนตัว ผมเชื่อว่ายังเร็วเกินไปที่เงินเฟ้อในสหรัฐ และทั่วโลกจะเร่งตัวขึ้นสู่ระดับที่เป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจและตลาดทุนในระยะสองปีข้างหน้า ด้วยเหตุผลดังนี้

หนึ่ง อัตราการว่างงานทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูงกว่าระดับธรรมชาติค่อนข้างมาก ยกตัวอย่างในสหรัฐอัตราการว่างงานก่อนเกิดวิกฤตโควิดอยู่ที่ 3.5% แต่ในวันนี้ยังสูงถึง 6.2%

สอง ระบบห่วงโซ่อุปทานของโลก ที่ได้รับผลกระทบในช่วงที่วิกฤตโควิดเกิดขึ้นใหม่ๆ เริ่มกลับมาทำงานเกือบจะเป็นปกติแล้ว ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเร่งตัวขึ้นของต้นทุนการผลิต

สาม กำลังการผลิตของทั่วโลกยังเหลือค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในภาคบริการ จึงน่าจะเพียงพอในการรองรับการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเปิดประเทศ ยกตัวอย่างประเทศไทย อัตราการใช้กำลังการผลิตในปัจจุบันอยู่เพียง 64%

สี่ การมาของโควิดทำให้การซื้อของออนไลน์กลายเป็นพฤติกรรมปกติ ซึ่งการที่ผู้บริโภคมีช่องทางในการซื้อสินค้าหลากหลายขึ้น ส่งผลให้การแข่งขันของผู้ประกอบการสูงขึ้น และทำให้การขึ้นราคาสินค้าทำได้ยากขึ้น

แน่นอน ในระยะ 3-4 เดือนข้างหน้า เงินเฟ้อในสหรัฐ และทั่วโลกมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้น จากฐานที่ต่ำของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ทั่วโลกทำการ Lockdown เพื่อรับมือกับการระบาดของโควิดในรอบแรก แต่จะเป็นเพียงภาวะเงินเฟ้อสูงชั่วคราว จึงไม่น่านำไปสู่การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลาง

สำหรับเศรษฐกิจไทย แนวโน้มเงินเฟ้อยังน่าจะอยู่ในระดับต่ำไปอีกนาน เพราะเศรษฐกิจยังขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมาก และภาคท่องเที่ยวคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปีถึงจะฟื้นตัวสู่ระดับใกล้เคียงเดิม

ผมมองว่าตลาดทุนกังวลกับแนวโน้มเงินเฟ้อในสหรัฐมากเกินไป การปรับฐานของตลาดหุ้นทั่วโลกในระยะสั้นอาจเกิดขึ้นได้ แต่ไม่น่าจะรุนแรง และผมยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ ในระยะหนึ่งปีข้างหน้า