บริดจ์ฯพลิกเกมจับโอกาสใหม่! โรดโชว์คอนโดหรูเมืองกรุงเจาะเศรษฐีภูธร
แม้ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเผชิญภาวะหดตัวจากวิกฤติโควิดส่งผลต่อกำลังซื้อและเศรษฐกิจซบเซา ขณะที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติวูบหายจากตลาด ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับกลยุทธ์มองหาโอกาสใหม่!
พิชชากร มีศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจ์ เอสเตท จำกัด บริษัทในเครือเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรียังมีศักยภาพในการเติบโต โดยพบว่าลูกค้าจากต่างจังหวัดเข้ามาซื้อคอนโดในกรุงเทพฯ มากขึ้น สะท้อนผ่านโครงการ “28 Chidlom” จึงมองเห็น “โอกาส” เข้าไปรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
ทั้งนี้ 2 ปีที่ผ่านมาบริษัทเริ่มการขายโครงการของ เอสซี แอสเสท เป็นหลัก จากประสบการณ์ในการทำตลาดต่างประเทศมาก่อน จึงได้ดูแลลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาซื้อคอนโดของเอสซี แอสเสท 4 โครงการ ได้แก่ บีทนิค สุขุมวิท 32 คอนโดระดับลักชัวรี, ศาลาแดง วัน คอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรี, 28 Chidlom คอนโดหรูย่านชิดลม และแชมเบอร์ อ่อนนุช คอนโดระดับกลาง
“6 เดือนหลังเปิดตัวในปี 2562 สร้างรายได้ 600 ล้านบาท กระทั่งปลายปี 2563 ได้เป็นเอเจนท์เจ้าเดียว (Sole Agency) ที่ดูแลโครงการ 28 Chidlom ซึ่งเป็นโครงการแรกที่ดูแลทั้งตลาดประเทศไทยและต่างประเทศทำให้ในปี 2563 มีรายได้ 3,300 ล้านบาท เทียบเท่าดีเวลลอปเปอร์อสังหาฯ ระดับกลาง โดยยอดขาย3,300 ล้านบาท มาจากต่างชาติ 70% เป็นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ซึ่ง 3 กลุ่มนี้สัดส่วนราว 90% ของตลาดต่างชาติ หรือ 2,000ล้านบาท”
ตัวเลขดังกล่าว จะเห็นว่า คอนโดระดับลักชัวรียังมีศักยภาพอยู่ไม่ว่าจะเป็นตลาดไทยหรือต่างชาติยังไปได้อยู่ และกลุ่มเศรษฐีต่างจังหวัด ต้องการบ้านหลังที่ 2 หากจังหวัดที่อยู่ถูกล็อกดาวน์ สามารถเดินทางมาอยู่ในกรุงเทพฯ ได้ เป็นที่มาของกลยุทธ์ “โรดโชว์” ที่จะนำมาใช้ในปีนี้ มุ่งเจาะตลาดต่างจังหวัดแทนต่างประเทศ เริ่มปลายเดือน มี.ค.นี้
พิชชากร เป็นคนนครศรีธรรมราช มีคอนเนคชั่นอยู่พอสมควรจึงประเดิมปักหมุดโรดโชว์ “นครศรีธรรมราช” ซึ่งเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจฟู่ฟ่า! จากความศรัทธาที่มีต่อวัดเจดีย์ไอ้ไข่ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดสะพัดอย่างมาก เริ่มมีโครงการอสังหาฯ ของรายใหญ่อย่าง ศุภาลัยเข้าไปทำตลาด
สำหรับ บริดจ์ เอสเตท จะเริ่มทำตลาดจากโครงการ 28 Chidlom ราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่หากลูกค้าลังเลราคอาจนำเสนอ “แชมเบอร์ อ่อนนุช” เพื่อเป็นทางเลือก
“แค่ได้ห้องเดียวก็คุ้มค่า จากการจัดไพรเวตอีเวนท์ให้กลุ่มลูกค้า 2 วัน 3 รอบ รอบละ 15 กลุ่ม ยิ่งกลุ่มเล็กยิ่งชักชวนง่าย ถัดมาจะเป็นภูเก็ต แต่กลุ่มเป้าหมายจะเป็นต่างชาติ ตามด้วยอุดรธานี ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลพบว่า เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง จะเป็นการทดลองนำร่องก่อน 3 จังหวัด"
อย่างไรก็ดี ผลงาน 2 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ฝีมือ ทีม บริดจ์ เอสเตท ได้เป็นอย่างดี ล่าสุดได้รับงานจากค่ายอนันดา ให้ดูแลโควตาตลาดต่างชาติของโครงการ “แอชตัน สีลม” ที่มีมูลค่า 2,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจากับดีเวลลอปเปอร์รายอื่นเข้ามาเสริมพอร์ต
"ปีนี้ ตั้งเป้าหมายรับลูกค้าอีก 1 โครงการ หลังจาก ศาลาแดง วัน ขายหมดแล้ว เพราะยังมีพลังงานเหลือ! เพื่อรับงานที่ไม่ใช่ของ เอสซี แอสเสท อีก 1 โครงการ ที่เป็นลักชัวรี เพราะขายห้อง 1 ล้านบาท กับขายห้อง 10 ล้านบาทเหนื่อยเท่ากัน แต่คอมมิชั่นต่างกัน ล่าสุด ได้โครงการ เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส ลาดพร้าว ของเอสซี แอสเสท มาดูแลโควตาต่างชาติ”
ปัจจุบัน พอร์ตของ บริดจ์ เอสเตท ดูแลโครงการของเอสซี แอสเสท 4 โครงการ เป็น บีทนิค สุขุมวิท 32 มีสต็อก 1,400 ล้านบาท จำนวน 50 ยูนิต, 28 Chidlom มีสต็อก 3,000 ล้านบาท จำนวน 140 ยูนิต และ แชมเบอร์ อ่อนนุช มีสต็อก 300 ล้านบาท หรือเหลือขายไม่ถึง 10% และ เดอะ เครสท์ พาร์ค เรสซิเดนเซส ลาดพร้าว
พิชชากร ย้ำว่า เป้าหมายสูงสุดต้องการขับเคลื่อนบริษัทให้อยู่รอดได้ ไม่ต้องลดพนักงาน! ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการแฮปปี้ สามารถให้บริการหลังการขายได้ดี เพราะลูกค้าที่เข้ามาซื้อเป็นกลุ่มมีฐานะดี หากรู้สึกดีกับบริการ เมื่อเปิดประเทศเปิด! จะบอกต่อชวนเพื่อนมาซื้อแน่นอน ผลักดันยอดขายปีนี้บรรลุเป้าหมาย 5,000 ล้านบาท
ตามแผน 5 ปีของ บริดจ์ เอสเตท มุ่งสู่แบรนด์ Top of Mind ด้วยจุดขายที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด ผ่านคอนเนคชั่นที่ดีในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะอสังหาฯ ระดับลักชัวรี จะทำให้ บริดจ์ เอสเตท เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สานเป้าหมายยอดขายแตะ 10,000 ล้านบาทในปี 2568