ลงทุน 'หุ้น' 101 | เครื่องหมายท้ายหุ้น บอกอะไรบ้าง?
พามือใหม่หัดลงทุน "หุ้น" ไปทำความรู้จัก "เครื่องหมายท้ายหุ้น" เช่น "XD" "XI" "SP" ฯลฯ บอกอะไรบ้าง?
เวลาที่เข้าไปในหน้ากระดาน "หุ้น" ช่วงแรกอาจจะต้องตาลายเพราะมีทั้งตัวเลขและสัญลักษณ์ต่างๆ เต็มไปหมด ซึ่งตัวเลขและสัญลักษณ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่ค่อยๆ เรียนรู้กันไปว่า เครื่องหมาย สัญลักษณ์ หรือตัวเลขที่ส่วนต่างๆ สื่อถึงอะไรบ้าง หรือมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของเราอย่างไรบ้าง
"กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" ชวนมือใหม่หัด "ลงทุนหุ้น" รวมถึงนักลงทุนหุ้น ที่เจอสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายเหล่านี้ มาดูกันว่าแต่ละเครื่องหมายที่ห้อยท้าย "ชื่อหุ้น" แต่ละตัว หมายถึงอะไรบ้าง เพื่อให้สามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม
โดยเครื่องหมายที่ต้อยท้ายหุ้นต่างๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ เครื่องหมาย "ตระกูล X" , เครื่องหมายเตือน และ เครื่องหมาย "ตระกูล T" ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 : เครื่องหมาย "ตระกูล X"
ผู้ที่ซื้อหุ้นในวันที่ขึ้นเครื่องหมาย X ใดๆ ก็ตาม จะไม่ได้รับสิทธิในเรื่องนั้นๆ โดยสิทธิที่ไม่ได้รับจะแตกต่างกันออกไปตามเครื่องหมาย ดังนี้
1. XD (Excluding Dividend) : ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล
2. XR (Excluding Right) : ไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่
3. XW (Excluding Warrant) : ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหลักทรัพย์
4. XS (Excluding Short-term Warrant) : ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหลักทรัพย์ระยะสั้น
5. XT (Excluding Transferable Subscription Right) : ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่โอนสิทธิได้
6. XI (Excluding Interest) : ไม่ได้สิทธิรับดอกเบี้ย
7. XP (Excluding Principal) : ไม่ได้สิทธิรับเงินต้นที่บริษัทประกาศจ่ายคืนในคราวนั้น
8. XA (Excluding All) : ไม่ได้สิทธิทุกประเภทที่บริษัทประกาศให้ในคราวนั้น
9. XE (Excluding Exercise) : ไม่ได้สิทธิในการนำตราสารสิทธิไปแปลงสภาพเป็นหุ้นอ้างอิง
10. XM (Excluding Meetings) : ไม่มีสิทธิเข้าประชุมผู้ถือหุ้น
11. XN (Excluding Capital Return) : ไม่มีสิทธิในการรับเงินคืนจากการลดทุน
12. XB (Excluding Other Benefit) : ไม่ได้สิทธิจองซื้อหุ้นออกใหม่ ในกรณี ดังนี้
- สิทธิจองซื้อหุ้นบุริมสิทธิ ที่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นสามัญ
- สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ ที่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิ
- สิทธิในการจองซื้อหลักทรัพย์ที่เสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป โดยจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท
- สิทธิในการจองซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทในเครือ
- กลุ่มที่ 2 : เครื่องหมายเตือน
กลุ่มนี้คือกลุ่มที่เป็นเครื่องหมายขึ้นเพื่อ "ห้าม" หรือ "เตือน" ให้นักลงทุนระมัดระวัง
H (Trading Halt) : การห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราว อาจเพราะมีข่าวที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น แต่บริษัทยังไม่ได้แจ้งข้อมูล หรืออยู่ระหว่างรอเปิดเผยข้อมูล หรือมีเหตุอื่นที่อาจกระทบต่อการซื้อขายอย่างร้ายแรง
SP (Trading Suspension) : การห้ามซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราว เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกับการขึ้นเครื่องหมาย H แต่บริษัทยังไม่ สามารถชี้แจงหรือเปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯได้ หรืออาจฝ่าฝืน ละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งไม่ส่งงบการเงินให้ภายในเวลากำหนด
NP (Notice Pending) : บริษัทมีข้อมูลที่ต้องรายงาน และตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากบริษัท
NR (Notice Received) : ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับการชี้แจงข้อมูลจากบริษัทแล้ว
NC (Non-Compliance) : บริษัทที่เข้าข่ายการถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ
ST (Stabilization) : หุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่มีการซื้อหุ้นเพื่อส่งมอบหุ้นที่จัดสรรเกิน
- กลุ่มที่ 3 : เครื่องหมาย "ตระกูล T"
เป็นเครื่องหมายบอกระดับการติด Cash Balance* (แคชบาลานซ์) ของหุ้นที่มีการซื้อขายผิดปกติ โดยแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้
T1 (Trading Alert Level 1) : ระดับ 1 Cash Balance
T2 (Trading Alert Level 2) : ระดับ 2 ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance
T3 (Trading Alert Level 3) : ระดับ 3 ห้าม Net Settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance
ทั้งนี้ Cash Balance หมายความว่า นักลงทุนต้องซื้อหลักทรัพย์ด้วยบัญชีแคชบาลานซ์เท่านั้น โดยวางเงินสดไว้กับโบรกเกอร์เต็มจำนวนก่อนซื้อหลักทรัพย์ โดย ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย หมายความว่า ห้ามโบรกเกอร์ใช้หลักทรัพย์เป็นหลักประกันในการคำนวณวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ในทุกประเภทบัญชี
และ ห้าม Net Settlement หมายความว่า ห้ามโบรกเกอร์หักกลบราคาค่าซื้อกับราคาค่าขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน (ซื้อและขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน ค่าขายคืนเป็นวงเงินในวันทำการถัดไป)
ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แหล่งประเทศไทย