‘สยามอะเมซิ่งพาร์ค-บางกอกเวิลด์’ พร้อมไปต่อ! ก้าวข้ามวิกฤติ

การแพร่ระบาดระลอกใหม่เป็นโจทย์ใหญ่! อีกครั้งของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะรับมือและก้าวข้ามไปให้ได้อย่าง 2 รอบแรกอย่างไร?  

นพกาญจน์ เหลืองอมรเลิศ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาดและการขาย บริษัท สยามพาร์ค บางกอก จำกัด ผู้บริหารสวนน้ำสวนสนุก ”สยามอะเมซิ่งพาร์ค” กล่าวว่า

สถานการณ์โควิดตั้งแต่ต้นปี 2564 ยังไม่ดีนัก! แต่ชีวิตและธุรกิจยังต้องดำเนินต่อไป 

โดยเฉพาะธุรกิจของ "สยามอะเมซิ่งพาร์ค" หรือคุ้นเคยกันแต่นานมาในนาม สวนสยามทะเลกรุงเทพฯ มีลูกค้ากลุ่ม “เด็กเล็ก” แน่นอนว่าหัวใจสำคัญพุ่งเป้าไปที่ “ความเชื่อมั่น” ใน “ความปลอดภัย” เมื่อลูกค้าต้องเข้ามาใช้บริการ เป็นภารกิจและหน้าที่หลักของบริษัทที่ต้องสื่อสารถึงความพร้อมในมาตรการสุขอนามัย สร้างความมั่นใจต่อความปลอดภัย ไปพร้อมๆ กับการตลาดเชิงรุกภายใต้กลยุทธ์ “ราคา” จะทำอย่างไรให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม! เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคลดน้อยถอยลง แคมเปญโปรโมชั่นแบบจัดหนักจึงเป็นคำตอบ

ทั้งนี้ "โควิด" ที่อุบัติขึ้นและระบาดไปทั่วโลกทำให้ช็อก! ไปตามๆ กัน ในแง่ของธุรกิจจะประคองตัวไปอย่างไร? ทั้งการให้บริการ การดูแลพนักงาน และความรับผิดชอบต่อสังคมในความเป็นผู้ประกอบการจะต้องไม่เป็นตัวการที่ทำให้ประเทศแย่ลง! ขณะเดียวกันลูกค้ายังคงไว้ใจและเลือกเข้ามาใช้บริการ ดังนั้น มาตรการหลายอย่างถูกนำมาใช้ควบคู่กันหลายมิติเพื่อให้ลูกค้าไว้ใจ มั่นใจ  ต้องไม่เป็นสถานที่แพร่เชื้อซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการดำเนินธุรกิจอย่างแน่นอน

"หลังคลายล็อกดาวน์ครั้งแรกปีก่อนเหมือนจะดีขึ้น ช่วงปลายปีการจัดเลี้ยงกลุ่มนักเรียนการเข้าค่ายเริ่มกลับมาแล้ว แต่ต้องมาเจอการแพร่ระบาดระลอกสอง ต้องปิดให้บริการชั่วคราวอีกครั้ง ซึ่งเราสามารถรับมือได้ดีขึ้นเพราะได้มีการเรียนรู้หลายอย่างจากประสบการณ์ก่อนหน้า ครั้งนี้ก็เช่นกัน และซัมเมอร์นี้ ในแง่กิจกรรมหลักคงไม่ได้แตกต่างจากเดิมมาก มีการแสดงต่างๆ แต่รูปแบบของกิจกรรมจะเปลี่ยนไปให้สอดคล้องกับมาตรการความปลอดภัยจากโควิด-19 อย่างเข้มข้นตามนโยบายของรัฐบาล วันแรงงานแน่นอนว่าจัดคอนเสิร์ตไม่ได้เหมือนทุกปี แต่เชื่อว่าด้วยผลิตภัณฑ์ที่มียังคงทำหน้าที่ให้ความสนุกเช่นเคย”

โดยเทศกาล “Aloha Big Holiday 2021” ครั้งนี้ได้เปิดให้บริการเครื่องเล่นระดับโลกในสวนสนุก ชมการแสดง โชว์พิเศษ พร้อมจุดเช็คอินใหม่ริมทะเลเป็นจุดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเมนูพิเศษ

สยามอะเมซิ่งพาร์ค ยังคงเดินหน้าพัฒนา "โครงการบางกอกเวิลด์" บิ๊กโปรเจคภายใต้แนวคิดของของ “นายไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ” ผู้ก่อตั้งสวนน้ำสวนสนุกแห่งนี้  เป็นการมองการณ์ไกล และ Diversify เพื่อกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ สร้างความเชื่อมต่อของสวนน้ำและสวนสนุก

“ถ้าเรายืนบนขาข้างเดียวหากล้มก็ล้มเลย! วันนี้บางกอกเวิลด์มีความชัดเจน ซึ่งมาจากความคิดของคนอายุกว่า 80 ปี ในฐานะผู้ก่อตั้ง มองว่าให้เงินไว้เดี๋ยวก็หมด แต่หากทำโครงการนี้จะสามารถต่อยอดไปได้เรื่อยๆ"

นพกาญจน์ ยอมรับว่า การขับเคลื่อนแต่ละครั้งต้องคิดเยอะสักหน่อย! มีความกลัวหลายอย่าง แม้จะเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่มีโนว์ฮาว มีความพร้อมหลายด้าน ใจหนึ่งจึงคิดว่าอยู่แบบเดิมก็ปลอดภัยดี เพราะธุรกิจก็ไปได้ของตัวมันเอง ฉะนั้น "บางกอกเวิลด์" เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ไม่ง่าย! ท่ามกลางภาวะนี้ลำพังธุรกิจสวนน้ำสวนสนุกเองก็เหนื่อยมากแล้ว แต่ก็เชื่อว่า Curve อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะกระเตื้องมากขึ้น! 

หน้าที่ของบริษัทคือ “การเตรียมความพร้อม” ให้ธุรกิจทุกด้านแข็งแรง ทั้งบริการ ผลิตภัณฑ์ และคอนเซปต์ เมื่อโอกาสมาถึงจะไปต่อได้ในทันที  แม้ยามนี้ผู้ประกอบการจะอ่อนแรงกันแล้ว แต่ต้องพร้อมที่จะลุกขึ้นมาสู้ หากวันที่คนอื่นแข็งแรงและบริษัทแข็งแรงไม่ทันลำบากแน่นอน

“เราต้องทำตัวให้พร้อมลุกขึ้นมาให้เร็วที่สุดเพราะคนอื่นพร้อมแล้วเราไม่พร้อมก็ลำบากมีอะไรเกิดขึ้นมากมายในช่วงการแพร่ระบาดโควิด สิ่งที่เคยคิดว่ารู้ดีในธุรกิจนี้ คัมภีร์ หรือสูตรสำเร็จ ไม่เพียงพอ ต้องรื้อ Operation ใหม่ มองแต่ตัวเองไม่ได้อีกต่อไป”

โครงการบางกอกเวิลด์ คาดเปิดให้บริการทั้งหมดต้นปี 2565 ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างและเปิดขายพื้นที่ พร้อมเปิดบริการบางส่วน เช่น อาคารใหม่สถาปัตยกรรมบ้านขนมปังขิง ปักหมุดเป็น World Learning Experience ส่วนด้านบนเป็นพื้นที่จัดเลี้ยง เร็วๆ นี้เตรียมเปิดอาคารบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งรองรับการทำอาหารไทย

“ปลายปีนี้อาจจะดีขึ้น แม้ช่วงนี้ลูกค้าน้อย แต่เราไม่หยุดปรับปรุง ซึ่งจะมีหลายส่วนเปิดบริการพร้อมรถไฟฟ้าสายสีชมพู ซึ่งได้เตรียม Shuttle Service ทำให้การเดินทางเข้าถึง สยามอะเมซิ่งพาร์คสะดวกขึ้นในอนาคต ยิ่งหากโควิดคลี่คลาย วางเป้าหมายชาวต่างชาติใช้บริการ 40% ชาวไทย 60%"

ประสบการณ์ 18 ปีของ  นพกาญจน์ กับทะเลกรุงเทพฯ แม้เวลาผ่านมายาวนานจนถึงปัจจุบันต้องยอมรับว่า ผู้คนยังไม่พร้อมใช้จ่ายกับธุรกิจสวนน้ำสวนสนุกมากนัก เพราะมองว่าราคาสูงเกินไป! ทั้งที่ลงทุนมหาศาล ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมาอย่างต่อเนื่องหลายปีทำให้ต้องคิดหนักกับความพร้อมในการจ่าย

ธุรกิจลักษณะนี้หยุดนิ่งไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้ ต้องลงทุนตลอดเวลา เพื่อให้มีความสดใหม่ ทันสมัย รวมทั้งการพัฒนาแรงงานที่เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ เพราะอยู่ในแวดวงจำกัดไม่ใช่ธุรกิจทั่วไป จะเห็นว่าไทยมีสวนน้ำไม่กี่แห่ง เมื่อตลาดแรงงานเติบโตขึ้นอีกระดับหนึ่งก็พร้อมจะก้าวไปสู่ธุรกิจอื่น หนึ่งในแนวทางแก้ปัญหา คือ การนำ “ดิจิทัล” เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในระบบหลังบ้านที่ถูกทรานส์ฟอร์ม!  โดยเฉพาะการประมวลผลข้อมูลลูกค้า เนื่องด้วยผู้คนที่เข้ามาใช้บริการมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ขณะที่โลกแห่งการแข่งขันต้องเข้าใจลูกค้า ไม่ใช่แค่เดินผ่านประตูเข้ามา 

“ต้องรู้ว่าลูกค้ามาใช้บริการอะไรบ้าง ใช้เวลาไปกับอะไรจุดขายแบบไหน บริการอะไรที่ลูกค้าสนใจ การใช้ประสบการณ์มองอย่างเดียวไม่พอต้องมีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ทรงประสิทธิภาพ เช่นเดียวกับเครื่องเล่น สวนน้ำ ก็มีเทคโนโลยีเพื่อช่วยเรื่องบริการและการปรับปรุง”

ปีแห่งความยากลำบาก  2563 แน่นอนว่าธุรกิจ “ติดลบ” ค่อนข้างมากเดิมที่มอง  Break Even ควรอยู่ที่ 450 ล้านบาท แต่รายได้เข้ามายังไม่ถึง 200 ล้านบาท!  ปริมาณลูกค้าเหลืออยู่เพียง 3 แสนคนจากปกติมีลูกค้าใช้บริการปีละ1.2 ล้านคน

ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร สิ่งที่ต้องทำ นั่นคือ ไปต่อและก้าวข้ามไปให้ได้!