'ททท.' จ่อปรับเป้ารายได้เที่ยวไทยปี 64 'พิพัฒน์' ถก สธ.เร่งฉีดวัคซีนภูเก็ต
ก่อนโรคโควิด-19 ระลอก 3 จะระบาดเป็นวงกว้างภายในประเทศ! การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายรายได้รวมการท่องเที่ยวจากทั้งตลาดในและต่างประเทศปี 2564 ไว้ที่ 1.21 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปี 2563
แบ่งเป็นจากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.5 ล้านคน แม้จำนวนจะลดลง 3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่จะสร้างรายได้ที่ 3.47 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่เป้าหมายตลาดนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 160 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 77% คาดสร้างรายได้ 8.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 92%
แต่พอสถานการณ์เปลี่ยน! ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. บอกว่า ททท.อาจจะต้อง “ปรับเป้าหมาย” ตัวเลขการสร้างรายได้ท่องเที่ยวของไทยในปี 2564 อีกครั้ง ให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ หลังภาคท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 อย่างชัดเจน
เช่น กรณีโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 2" ยังมีจำนวนการค้างสิทธิประมาณ 1.8 แสนสิทธิซึ่งยังไม่สามารถเดินทางได้ภายในเดือน เม.ย.นี้ เป็นการได้รับผลกระทบต่อเนื่อง เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 เมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็ทำให้ตัวเลขรายได้หายไปในช่วง 2-3 เดือนแรก
“ททท.คงต้องหารือกับทางนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงภาคเอกชนท่องเที่ยว เกี่ยวกับการปรับเป้าหมายรายได้ท่องเที่ยวไทยปีนี้ โดยดูทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ เนื่องจากการระบาดซ้ำไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศเป้าหมายด้วย เช่น ญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งช่วงนี้ทาง ททท.กำลังวิเคราะห์สถานการณ์กันอยู่”
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่ ททท.ยังคงยืนยันเดินหน้าแผนทยอย “เปิดประเทศ” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มฉีดวัคซีนครบแล้ว โดยจะผลักดันให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ที่รัฐบาลวางไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ยังพร้อมสนับสนุนนโยบายการฉีดวัคซีนในประเทศ โดยเฉพาะแก่บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งบุคลากรและนักท่องเที่ยว รวมถึงเตรียมกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่องเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย หลังการระบาดระลอก 3 เกิดขึ้นในวงกว้าง ทำให้คนไทยกังวล และน่าจะมีผลทำให้กำลังซื้อด้านท่องเที่ยวลดลงตามไปด้วย
โดย ททท.คาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดให้ประชาชนเริ่มจองสิทธิโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3” และ “ทัวร์เที่ยวไทย” ได้ในช่วงกลางเดือน พ.ค.2564 อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามสถานการณ์การระบาดระลอก 3 ด้วย เพราะแม้จะเปิดจองได้ตามกำหนดเบื้องต้น แต่นักท่องเที่ยวไทยก็ยังไม่สามารถออกเดินทางได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อในหลายๆ จังหวัดมีมาตรการคุมเข้มการเดินทาง เช่น ถ้าเดินทางมาจากพื้นที่สีแดง 18 จังหวัด จะต้องกักตัว 14 วัน อาจทำให้คนยังไม่เดินทาง
“ททท.ต้องการเริ่มเปิดจองสิทธิทั้ง 2 โครงการเพื่อให้เกิดการเดินทางจริง แต่ยังต้องดูการระบาดของโควิด-19 ด้วย หวังว่าทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยภายในเดือน เม.ย.นี้ และเกิดการเดินทางได้ในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อให้ ททท.สามารถดำเนินการเปิดให้ประชาชนจองสิทธิทั้ง 2 โครงการได้ในช่วงกลางเดือน พ.ค.นี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมระบบร่วมกับธนาคารกรุงไทย”
ส่วนจะเริ่มวันที่เท่าไรนั้น ยังต้องรอดูรายละเอียดอีกครั้ง เพราะมีประเด็นเรื่องการเชื่อมต่อข้อมูลระบบสแกนใบหน้ากับทางกระทรวงมหาดไทยตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ต้องเชื่อมต่อให้แล้วเสร็จก่อน ถึงจะเคาะวันเปิดจองสิทธิอย่างเป็นทางการได้
ด้านการเปิดให้ผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทัวร์เที่ยวไทย น่าจะเริ่มได้ภายในสิ้นเดือน เม.ย.นี้
“และเนื่องจากโควิด-19 ระลอก 3 กระทบต่อตลาดไทยเที่ยวไทยในช่วงไตรมาสที่ 2 ททท.คาดว่าน่าจะยืดหยุ่นเรื่องระยะเวลาดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 3 และทัวร์เที่ยวไทย เพื่อเพิ่มระยะเวลาการเดินทางได้ สามารถขยายระยะเวลาได้ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564” ผู้ว่าการ ททท.กล่าว
แต่ทั้งนี้จะต้องดูสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นหลัก จากเดิมวางกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดของทั้ง 2 โครงการในวันที่ 31 ส.ค.นี้ และต้องเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้
ด้าน พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ได้รับรายงานจากผู้ว่าการ ททท. ถึงผลการหารือร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะเรื่องการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย นำร่องที่จังหวัดภูเก็ต ผ่านโครงการแซนด์บ็อกซ์ตามเป้าหมายเดิม เริ่มวันที่ 1 ก.ค.2564
“กระทรวงการท่องเที่ยวฯยังยืนยันตามแผนเดิมว่าจะผลักดันเรื่องนี้ต่อไป โดยภายในสัปดาห์นี้จะหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อขอให้จัดสรรวัคซีนมาฉีดให้แก่ประชาชนในจังหวัดภูเก็ตอย่างน้อย 70-80% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือคิดเป็นจำนวนวัคซีนประมาณ 9.5 แสนโดส ตามเป้าหมายภายในเดือน มิ.ย.นี้”
ทั้งนี้ตามเป้าหมายของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้กำหนดแนวทางการเปิดจังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่นำร่องในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย แม้ว่าจะชะลอจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งใจจะดึงเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา เพราะติดปัญหาการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 แต่ยังยืนยันว่าจะเร่งเปิดให้ได้ในเดือน ก.ค.นี้ ผ่านโครงการแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งมีการจัดทำเส้นทางการท่องเที่ยวตามกำหนด (Sealed Route) ขึ้นมารองรับ
“การเดินหน้าโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ยังคงเหมือนเดิม เพราะตอนนี้นายกฯมองว่าเรื่องการฟื้นประเทศและฟื้นการท่องเที่ยวถือเป็นเรื่องสำคัญ นอกเหนือจากการออกมาตรการเยียวยาและการกระตุ้นการใช้จ่ายต่างๆ ออกมา” รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าว