บลจ.บีแคป ปันผลกอง BCAP-GPROP อัตรา 0.48 บาท/หน่วย จ่ายวันที่ 7 พ.ค.64
บลจ.บีแคป ประกาศจ่ายปันผลกองทุนเปิด BCAP-GPROP ในอัตรา 0.48 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบการดำเนินงานช่วง 31 มี.ค.63-31 มี.ค.64 กำหนดจ่าย 7 พ.ค.นี้ ชี้โอกาสลงทุนตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว หนุนกองทุนอสังหาฯ มีเงินปันผลสม่ำเสมอ และช่วยลดความผันผวนของพอร์ต
นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บางกอกแคปปิตอล หรือ BCAP เปิดเผยว่า กองทุนเปิดบีแคป โกล บอล พร็อพเพอร์ตี้ แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ เฟล็กซ์ ( BCAP-GPROP) เตรียมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน สำหรับผลการดำเนินงานรอบบัญชีวันที่ 31 มี.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 มี.ค. 2564 ในอัตรา 0.48 บาทต่อหน่วย โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนและขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 เม.ย. 2564 กำหนดจ่ายเงินปันผล วันที่ 7 พ.ค. 2564
กองทุนรวม BCAP-GPROP เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้จากค่าเช่าสม่ำเสมอ โดยกองทุนลงทุนในสี่สินทรัพย์หลัก ได้แก่ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs ) และ Property Fund ในประเทศ กองทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศต่างประเทศ และโครงสร้างพื้นฐานต่างประเทศ เพื่อมุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก และกระจายความเสี่ยงในการลงทุน
“เรามองว่าเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มกลับเข้าสู่ระดับใกล้เคียงก่อนเกิด COVID-19 จากการที่วัคซีนเริ่มมีการแจกจ่ายในหลายประเทศ กิจกรรมทางเศรษฐกิจและความมั่นใจของผู้บริโภคเริ่มกลับมาอย่างเต็มที่ ส่งผลดีต่อกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นกลุ่ม Laggard ของปีที่แล้ว อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อที่มีโอกาสเร่งตัวสูงขึ้น เป็นผลดีต่อการปรับขึ้นค่าเช่า ในด้านหุ้นโครงสร้างพื้นฐานที่ defensive กว่าอาจปรับตัวขึ้นน้อยกว่า REITs ที่มีลักษณะผันตัวตามวัฏจักรเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามถือเป็นตัวที่ช่วยพยุงพอร์ตการลงทุนได้ ในกรณีที่เศรษฐกิจไม่ได้เติบโตเร็วอย่างที่คาดหวัง” นางเมธ์วดีกล่าว
ทั้งนี้ กองทุน ให้น้ำหนักเพิ่ม (Overweight) ใน REITs ต่างประเทศ เนื่องจาก REITs ต่างประเทศมีการกระจายตัวของประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลายกว่า และมีการกระจายลงทุนทั่วโลก ขณะที่ ลดน้ำหนัก REITs ในไทย เนื่องจากมีสภาพคล่องอยู่ในระดับต่ำ ทำให้อาจได้รับผลกระทบรุนแรงหากตลาด sell off อีกครั้ง ส่วนการลงทุนในประเทศนั้น จะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว หาทดแทนได้ยาก และมีความสามารถในการขึ้นอัตราค่าเช่าได้
ขณะเดียวกันยังให้น้ำหนักเพิ่ม การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน โดยมองว่ากระแสรายได้ของกองทุน/ หุ้นโครงสร้างพื้นฐาน ค่อนข้างมั่นคงและผันผวนต่ำ เนื่องจากการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเป็นบริการที่ผู้บริโภคยังจำเป็นต้องใช้ โดยไม่ได้อิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจ นอกจากนี้รายได้จากโครงสร้างพื้นฐานยังผูกผันสัญญาระยะยาวหรือสัมปทานจากรัฐบาล ช่วยรายได้ที่สม่ำเสมอจะลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนโดยรวมได้