โควิด สะเทือนเฟอร์นิเจอร์หรู ลูกค้าใช้เวลาตัดสินซื้อนานขึ้น
"โมทีฟ " เดินหน้าบริหารสต็อกรองรับดีมานด์ลูกค้าไฮเอนด์ หลังโควิดระบาดลูกค้าตัดสินใจซื้อช้าจาก3เดือนขยับเป็น 6 เดือน พร้อมเปิดตลาดเฟอร์นิเจอร์ เนเธอร์แลนด์ และโฮมออฟฟิศ เข้ามารองรับกระแสเวิร์คฟอร์มโฮม
นายอัครรัฐ วรรณรัตน์ กรรมการผู้จัดการ เฟอร์นิเจอร์นำเข้าระดับลักซ์ชัวรี่แบรนด์โมทีฟ (MOTIF ) กล่าวว่า การเติบโตของโมทีฟ มีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี 2559 ยอดโต 30% ต่อมาปี 2560 โตขึ้น 30% และแม้ว่าในปี 2561-2562 ร้านสาขาที่เอราวัณจะปิดตัวลง เพราะหมดสัญญา แต่ยอดก็ยังโต 10% และในปี 2562 ต่อเนื่อง 2563 ภาพรวมโตขึ้น 10-15% ส่วนในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 20-30% เนื่องจากมีการปรับแผนการบริหารจัดการสินค้าที่มีประสิทธิภาพเพื่อรองรับกับพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
ปัจจัยในการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ โมทีฟ เกิดจากการจัดการบริหารจัดการสต็อก ซึ่งถือเป็นคีย์ใหญ่ที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ กลยุทธการจัดการนี้เกิดจากถ้าเรามีของแบบที่ลูกค้าต้องการในจำนวนที่เหมาะสม ก็สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ในเรื่องของเวลาและไม่มีสต็อกคงค้างมากเกินไป ยกตัวอย่างก่อนจะเกิดสถานการณ์โควิด19 ต้องใช้เวลารอการสั่งถึง 3 เดือน ต่อมากลายเป็น 4 เดือน พอเจอโควิด19 กลายเป็น 6 เดือน การรอสินค้าสั่งใหม่ยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ของเริ่มช้าเราก็เริ่มปรับเรื่องบริหารสต็อกมาอย่างต่อเนื่อง
นายอัครรัฐ ระบุว่า ผลพวงของโควิด19 ทำให้บริษัทได้สร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ด้วยการเปิดตลาดเฟอร์นิเจอร์กับเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในผลงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์ที่เรียกว่า “Dutch Design” ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากลูกค้าดี ขณะเดียวกันในส่วนของเฟอร์นิเจอร์โฮมออฟฟิศก็ยังคงตอบโจทย์ของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยขยายไลน์คอลเลคชั่น ให้มีความหลากหลายมากขึ้นเพื่อรองรับเทรนด์การทำงานที่บ้าน ( work from home) ยังคงมาแรงมากในปีนี้และมีแนวโน้มที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ ในอีก 5 ปีข้างหน้า