พฤกษาโอด ตลาดล่าง ‘ยอดปฏิเสธสินเชื่อ’ พุ่ง
"พฤกษา" เผยผลกระทบโควิดระลอก 3 เซกเมนต์ต่ำกว่า 2 ล้านยอดปฏิเสธสินเชื่อพุ่ง ตลาดบน “หยุดซื้อ” คาดอสังหาฯ ปีนี้โต 5% ต่ำกว่าเดิมลุ้นตลาดขยับได้ถึง 10% ลั่นพร้อมเดินหน้าฝ่าวิกฤติ เปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนดันยอดเข้าเป้า
นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดระลอก 3 กระทบแนวโน้มจีดีพีปรับลดเหลือ 2% คาดว่าภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้จะเติบโต 5% จากเดิมคาดการณ์ว่าจะเติบโต 9-10% จากปีที่ผ่านมาตลาดติดลบ 30% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดแล้ว ซึ่งสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายรวดเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับการกระจายการฉีดวัคซีนที่ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่
ทั้งนี้ เซ็กเมนต์ที่เป็นปัญหาหลัก คือ ตลาดระดับล่าง ราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ามีรายได้เฉลี่ย 10,000 บาทต่อเดือน ถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้น ขณะที่เซ็กเมนต์บน พบว่า “หยุดการซื้อ” ขณะที่เซ็กเมนต์ที่ยังไปได้ คือ กลุ่มที่มีรายได้ 30,000 -100,000 บาทต่อเดือน สะท้อนจากตลาดบ้านเดี่ยวที่กลุ่มลูกค้ามีระดับรายได้ 50,000-100,000 บาทต่อเดือน เติบโตค่อนข้างมากถึง 50% และพบว่าลูกค้าตัดสินใจซื้อช้าลง จากเดิมการเข้ามาเยี่ยมชน 4 รายซื้อ1ราย ปัจจุบันเป็น 1 ต่อ 5 หรือ 1 ต่อ 6 รายที่เข้ามาเยี่ยมชมแล้วตัดสินใจซื้อ
“สถานการณ์โควิดปีนี้กับปีที่แล้วความรุนแรงแตกต่างกัน ปีที่แล้วไตรมาสสองเป็นจุดต่ำสุด ส่วนโควิดรอบ 3 เข้ามากระทบไตรมาสสอง คาดเติบโต 2% ซึ่งไตรมาสแรกปีนี้ เติบโตได้ถึง 32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน"
อย่างไรก็ดี ในไตรมาสสองนี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการเพิ่ม 10 โครงการ จากแผนเดิมวางไว้ 7 โครงการมูลค่า 5,000-7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 3-6 โครงการ สัดส่วน 80% เป็นแนวราบ ระดับราคาตั้งแต่ 2-5 ล้านบาท ส่วนกรณีราคาเหล็กที่ปรับสูงขึ้นสำหรับโครงการคอนโดไม่ได้รับผลกระทบเพราะทำสัญญาก่อสร้างกับผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่แนวราบอาจมีปัญหาบ้าง ซึ่งได้มีการปรับในแง่ของ แวลูเอชั่น เอ็นจิเนียริ่ง ทำให้ไม่กระทบต้นทุน
นายปิยะ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเป็น “Thinking Company” แทนที่ดำเนินการทุกอย่างเองจะมีพันธมิตรร่วม เช่น งานก่อสร้าง ที่มีผู้รับเหมารายใหญ่ เข้ามาช่วยดูแล เพื่อควบคุมต้นทุน ในอนาคตโรงงานพรีคาสท์จะเหลือแค่ที่นวนคร เพื่อรักษากำลังการผลิตให้ได้ 70-80% ส่วนการซื้อที่ดินปีนี้เป็นโอกาสที่น่าจะได้ของถูกจึงประกาศซื้อที่ดินเพิ่ม
สำหรับผลการเนินงานในไตรมาสแรกที่ผ่านมา มียอดขาย 6,940 ล้านบาท เติบโต 14% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำรายได้ 6,888 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7% มีกำไรสุทธิ 606 ล้านบาท ยอดขายมาจากทาวน์เฮาส์ 51% บ้านเดี่ยว 29% คอนโด 20% และมีโครงการที่เปิดตัวในไตรมาสแรก 5 โครงการ มูลค่ารวม 1,915 ล้านบาท ประกอบด้วย ทาวน์เฮาส์ 4 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ ทั้งนี้ยังคงแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ตามเดิมที่ 29 โครงการ มูลค่ารวม 26,630 ล้านบาท