สรุป 'เศรษฐกิจไทย' ไตรมาส1/64 GDP ขยับเป็น -2.6 จากเดิม -6.1
สรุปภาวะ 'เศรษฐกิจไทย' ไตรมาส 1 ปี 64 และแนวโน้มปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 1.5-2.5 ส่วนประเทศที่ GDP เติบโตที่สุดในอาเซียนคือ เวียดนาม พบว่า GDP ปีนี้พุ่งขึ้นเป็น +4.5
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รายงานสรุปภาวะ "เศรษฐกิจไทย" ไตรมาส 1 ปี 2564 โดยสรุปดังนี้
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2564 ลดลงร้อยละ 2.6 ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ลดลงร้อยละ 4.2 ทำให้ไตรมาสแรกของปีนี้ขยายตัวจากไตรมาสสุดท้ายของปี 63 ที่ร้อยละ 0.2 โดยได้แรงสนับสนุนสำคัญจากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ
ขณะที่การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.5 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ด้านการลงทุนรวม ขยายตัวร้อยละ 7.3 ปรับตัวดีขึ้นมาก จากการลงทุนภาคเอกชน โดยกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ที่ร้อยละ 3.0 เช่นเดียวกับการลงทุนภาครัฐ ที่ขยายตัวในเกณฑ์สูงที่ร้อยละ 19.6 สูงขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ 0.6 ในไตรมาสก่อนหน้านี้
การลงทุนรัฐวิสาหกิจขยายตัว ร้อยละ 9.3 ด้านการส่งออกสินค้า มีมูลค่า 64,004 ล้านดอลลาร์ กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส ที่ร้อยละ 5.3 สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาสินค้าในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น
- เครื่องจักรและอุปกรณ์ (ร้อยละ 17.3)
- รถยนต์นั่ง (ร้อยละ 13.2)
- รถกระบะ (ร้อยละ 44.8)
- ผลิตภัณฑ์ยาง (ร้อยละ 53.1)
- ยางพารา (ร้อยละ 38.1)
- มันสำปะหลัง (ร้อยละ 72.5) เป็นต้น
กลุ่มสินค้าที่มีมูลค่าส่งออกลดลง ได้แก่ ชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ข้าว และน้ำตาล ด้านการผลิต การผลิตสินค้า อุตสาหกรรมและสาขาก่อสร้าง เกษตร สื่อสารและการเงิน มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนที่พักแรมและบริการด้านอาหาร การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้ำ ไฟฟ้าและก๊าซ และการขายส่ง-ขายปลีก ลดลงต่อเนื่อง
ขณะที่ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 2 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับร้อยละ 1.9 ในไตรมาสก่อนหน้า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ -0.5 ดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 2.6 พันล้านดอลลาร์ สรอ. (7.71 หมื่นล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 1.9 ของ GDP เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม อยู่ที่ 2.46 แสนล้านดอลลาร์ สรอ. และหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 มีมูลค่ำทั้งสิ้น 8,472,187.0 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53.3 ของ GDP
ทั้งนี้เมื่อดูค่า GDP ประเทศภายในภูมิภาคอาเซียนพบว่า
- เวียดนาม พุ่งขึ้น +4.5%
- อินโดนีเซีย -0.7%
- มาเลเซีย -0.5%
- ฟิลิปินส์ -4.2%
โดยปัจจัยสำคัญคือนโยบายของการป้องกัน และควบคุมโรคระบาดภายในประเทศ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการบริหารเศรษฐกิจในปีนี้ ว่า รัฐบาลจะให้ความสำคัญในการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศ เพื่อลดจำนวนผู้ติดเชื้อและให้อยู่ในวงจำกัดโดยเร็ว
รวมทั้งป้องกันการกลับมาระบาดรุนแรงในระลอกใหม่ โดยบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคและป้องกันการระบาดอย่างเคร่งครัด ยกระดับการเฝ้าระวังสอบสวนโรคเชิงรุกในเขตพื้นที่หรือชุมชนที่มีความเสี่ยงสูงในกรุงเทพฯ หรือเขตเมืองต่างๆ เร่งรัดจัดหาและกระจายวัคซีน การพัฒนาศักยภาพของระบบสาธารณสุข และเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
ขณะเดียวกัน ก็จะเดินหน้ามาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แรงงาน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ขับเคลื่อนการส่งออกสินค้า ส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน เร่งใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ เพื่อรักษาแรงขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการรักษาบรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศด้วย