เอสแอนด์พี เขย่าเดลิเวอรี่รอบ 20 ปี  ดันขึ้นพระเอก ฟื้นธุรกิจอาหาร-เบเกอรี่ 

เอสแอนด์พี เขย่าเดลิเวอรี่รอบ 20 ปี   ดันขึ้นพระเอก ฟื้นธุรกิจอาหาร-เบเกอรี่ 

ปี 2540 จุดสตาร์ทส่งอาหารและเบเกอรี่หรือ "เดลิเวอรี่" ของ "เอสแอนด์พี" เมื่อวิกฤติโรคระบาดเคาะประตู จึงปรับทัพ ปั้นโมเดล วางกลยุทธ์ใหม่ลุยส่งสินค้าถึงบ้านเป็นพระเอก มี "Delta" เป็นศูนย์กลางเสิร์ฟอาหารระยะประชิดลูกค้า ชิงเดลิเวอรี่ 74,000 ล้าน

1 ปีที่ธุรกิจต้องขับเคลื่อนงาน สร้างยอดขายภายใต้วิกฤติโรคโควิด-19 ระบาด หลายองค์กรต้องยกเครื่อง เปลี่ยนโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อยืนหยัดให้อยู่รอด รอวันโอกาสกลับมาสดใสอีกครั้ง

เอสแอนด์พีฯ หนึ่งในแบรนด์ธุรกิจอาหารชั้นนำ ที่ยืนหนึ่งในเซ็กเมนต์เบเกอรี่ภาพรวมปี 2563 บริษัทได้รับผลกระทบทั้งรายได้และกำไรไม่ต่างจากหลายธุรกิจ แต่วิกฤติทำให้ปรับตัวครั้งสำคัญ โดยเฉพาะการลุยเดลิเวอรี่เต็มสูบ

อรรถ ประคุณหังสิต ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการธุรกิจเอส แอนด์ พี บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ฉายภาพบทเรียนที่ได้รับจากโควิด คือการกลับมาบริหารจัดการต้นทุนให้ดี คุมค่าใช้จ่ายต่างๆอย่างเข้มข้นทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ การจ้างงานฯ ซึ่งผลลัพธ์ยังส่งผลให้ไตรมาส 1 กำไรกว่า 79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน

ทว่า อีกหนึ่งโอกาสที่ต้องคว้าไว้ คือการทำตลาดเดลิเวอรี่ หลังจากคร่ำหวอดในการส่งอาหารและเบเกอรี่ยาวนานถึง 24 ปี ได้เวลาที่ต้องวางกลยุทธ์ ปั้นแพลตฟอร์มให้ธุรกิจทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะเติบโต 2 เท่าตัว” ในสิ้นปี 2564

4 กลยุทธ์ถูกนำมาสานสู่เป้าหมาย ดังนี้ 1.การเปิดโมเดลร้าน เอส แอนด์ พี รูปแบบใหม่ในชื่อ เดลต้า-Delta” จุดซื้อขายกลับบ้านและส่งเดลิเวอรี่ จะขยายให้ครบ 31 จุด ภายในสิ้นปีครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยพื้นที่ของช็อปมีขนาด 90 ตารางเมตร(ตร..) ลงทุนเฉลี่ย 2.5-2.8 ล้านบาท ทำเลที่ไปจะมีทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ สถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม) ไฮเปอร์มาร์เก็ต และอาคารพาณิชย์ เพื่อเสิร์ฟอาหารใกล้กลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้นภายใน 10 นาที จากเดิม 35-40 นาที

เราทำยอดขายเดลิเวอรี่ได้ 1.5-18 ล้านบาทต่อเดือนต่อสาขา

2.พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์รูปแบบใหม่ให้สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ทั้งแอปพลิเคชั่น S&P Delivery และ www.snp1344.com ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้ออาหารและเบเกอรี่ตามโอกาสสำคัญๆ ได้ เช่น วันเกิด ชุดอาหารกล่อง สำหรับการประชุม เพื่อเจาะลูกค้าองค์กร ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่จะรุกหนัก โดยแอ๊พฯดังกล่าวยังเอื้อให้ขั้นตอนการจ่ายเงินรวดเร็วขึ้นด้วย

3.ออกเมนูอาหารไทยอย่างกับข้าวไทย” 20 รายการ ราคาเริ่มต้น 79 บาท และเค้กปอนด์จาก 10 เป็น 30 รายการ เพิ่มความมหลากหลาย สามารถจัดโปรโมชั่นจูงใจลูกค้าสั่งอาหารมากขึ้น ตอกย้ำความแข็งแกร่งการเป็นผู้นำธุรกิจอาหารและเบเกอรี่ และ4.มุ่งขยายพื้นที่การจัดส่งให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ผ่านจุดขายร้าน เอส แอนด์ พี กว่า 300 จุด ทั้งทางเอสแอนด์พี เดลิเวอรี่ 1344 และแอ๊พพลิเคชั่นส่งอาหารของพันธมิตรต่างๆ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายทั่วไทย ประกอบกับที่ผ่านมา การส่งสินค้าเดลิเวอรี่เติบโตก้าวกระโดด เฉพาะเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยอดเติบโตขึ้น 20%

“1 ปีที่ผ่านมา เราลุยเดลิเวอรี่เป็นหลัก และเดลิเวอรี่ถือเป็นพระเอก สร้างรายได้ให้ธุรกิจอาหาร การมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน จะช่วยสร้างโอกาสเจาะกลุ่มเป้าหมายทั้งผู้บริโภคทั่วไป และลูกค้าองค์กรมากขึ้น แต่ยอมรับว่าตลาดมีอุปสรรค เพราะเดลิเวอรี่มีการแข่งขันสูงมาก ผู้เล่นหลายราย ซึ่งอีกมุมถือเป็นการช่วยทำให้ตลาดเติบโต

สำหรับภาพรวมธุรกิจเดลิเวอรี่มีมูลค่าราว 74,000 ล้านบาท เติบโต 9% แม้ภาพรวมจะเห็นผู้ประกอบการเดลิเวอรี่ยังเผชิญขาดทุนแต่เอสแอนด์พี กลับสร้างผลงานได้ดีและมีกำไรหล่อเลี้ยงบริษัท และการรุกตลาดเดลิเวอรี่ บริษัทต้องการผลักดันยอดขายให้มีสัดส่วน 15% ของรายได้ และซื้อกลับบ้านมีสัดส่วน 60% นั่งทานในร้าน 25%

ธุรกิจร้านอาหารเพิ่งคลายกึ่งล็อกดาวน์ ให้นั่งทานที่ร้านได้ 25% อรรถ บอกว่าทันทีที่ให้บริการ ลูกค้ากลับมาใช้จ่ายในทิศทางที่ดี และเริ่มกลับมา 50-60% มีเดลิเวอรี่มาช่วยกอบกู้ยอดขายอีกส่วน ด้านการฟื้นตัวของธุรกิจจึงคาดว่าจะเห็นเร็วภายในกรกฎาคม เพราะบทเรียนล็อกดาวน์ปีที่แล้ว เดือนพฤษภาคมกลับมาเปิดร้านได้เพียง 2 เดือนสถานการณ์ก็ดีขึ้น

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหารรายเล็ก ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 อาจทำให้ตลาดเหลือเพียงผู้เล่นรายใหญ่” อรรถ มองว่าเดลิเวอรี่จะเป็นตัวช่วยให้ธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่อยู่ในสนามแข่งขันและแบ่งขุมทรัพย์กันได้ เชื่อว่าอยู่รอดกันได้

ปี 2563 เอสแอนด์พี มียอดขายกว่า 5,200 ล้านบาท กำไรสุทธิกว่า 180 ล้านบาท จากก่อนหน้ารายได้ทะลุ 7,000 ล้านบาท และเกือบแตะ 8,000 ล้านบาท ในปี 2560 ดังนั้น การพลิกหมากรบครั้งนี้ บริษัทคาดหวังจะกลับไปทำรายได้สูงระดับ 7,000 ล้านบาทโดยเร็วในปี 2565

ปีหน้าเรากลับไปทำรายได้แตะ 7,000 ล้านบาท อีกครั้งแน่ๆ