หมดยุค 'ทองคำ' ถึงเวลา 'Hedge Fund'
เปิดบทวิเคราะห์ ทำไม "ทองคำ" ที่ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและใช้ลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน แต่นักลงทุนบางคนมองว่า ปี 2021 อาจเป็นอีกปีที่ไม่ใช่ปีของทองคำ แต่กลับมาสินทรัพย์ที่ช่วยลดความเสี่ยงได้ นั่นคือ "Hedge Fund" ที่ยังไม่แพร่หลายในไทย
ทองคำ ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และมักถูกใช้เป็นเครื่องมือลดความเสี่ยงให้พอร์ตการลงทุน เพราะราคาทองจะวิ่งสวนทางกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้น เช่น ทองราคาขึ้นในช่วงเศรษฐกิจขาลงและตลาดหุ้นตกแรงๆ หลายตำราจึงแนะนำให้ลงทุนในทองคำ 5-10% ของพอร์ตการลงทุน แต่นักลงทุนที่ถือทองคำมานานก็จะพบว่าทองคำ ที่ควรเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เคยทำให้สูญเงินจำนวนมาก เช่นในปี 2011-2015 ที่ราคาทองตกมากกว่า 40% และใช้เวลาหลังจากนั้นกว่า 5 ปี ราคาถึงฟื้นกลับมาที่เดิม
ปี 2021 ก็อาจเป็นอีกปีที่ไม่ใช่ปีของทองคำ เมื่อเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวดีหลังทั่วโลกทยอยฉีดวัคซีนและกลับมาเปิดประเทศและดำเนินเศรษฐกิจอีกครั้ง ตั้งแต่ต้นปีราคาทองคำแทบไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่หุ้นโลกปรับเพิ่มขึ้นราว +8% (ข้อมูล ณ 19 พฤษภาคม) ในระยะข้างหน้า ราคาทองคำจะยังถูกกดดันต่อไป เพราะนอกจากเศรษฐกิจจะเดินหน้าขยายตัวได้ดีแล้ว ธนาคารกลางของประเทศยักษ์ใหญ่น่าจะเริ่มถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่างๆ ทำให้ดอกเบี้ยค่อยๆ ขยับขึ้น ลดความน่าสนใจของการลงทุนในทองคำซ้ำเข้าไปอีก เพราะทองคำไม่จ่ายเคยดอกเบี้ยหรือเงินปันผล
- ถ้าไม่ใช่ทองคำ มีอะไรจะช่วยลดความเสี่ยงได้อีก?
หนึ่งสินทรัพย์ที่สามารถออกแบบให้ผลตอบแทนต่างจากสินทรัพย์อื่นๆ คือ Hedge Fund ซึ่งไม่แพร่หลายในไทย เพราะกลยุทธ์การลงทุนค่อนข้างซับซ้อน ไร้ข้อจำกัดในรูปแบบ รวมทั้งการใช้ประโยชน์อย่างมากจากอัตราทดและตราสารอนุพันธ์
ผลงานของ Hedge Fund ขึ้นกับฝีมือผู้จัดการกองทุน ไม่ใช่ภาวะเศรษฐกิจหรือตลาดทุน ดังนั้น การคัดเลือก Hedge Fund ดีๆ จึงสำคัญและมักต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอน ไม่ดูเพียงผลตอบแทนย้อนหลัง แต่ต้องพิจารณาไปถึงกระบวนการลงทุนและจัดการความเสี่ยง สภาพคล่องในการซื้อขาย ตลอดจนประวัติการทำงานของทีมผู้จัดการกองทุน มากไปกว่านั้น การลงทุนใน Hedge Fund ที่เดียวอาจไม่ตอบโจทย์ เพราะไม่มีใครเป็นผู้ชนะทุกเวลา วิธีที่ดีคือกระจายลงทุนในหลาย Hedge Fund รวมทั้งติดตามผลงานเพื่อปรับเปลี่ยนสัดส่วนเงินลงทุน
กระแสที่มาแรงในปีนี้คือการลงทุนเพื่อความยั่งยืนหรือ Sustainable Investment เพราะอีกหลายปีต่อจากนี้ ความยั่งยืนจะถูกขับเคลื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่องจากรัฐบาลทั่วโลก ภาคธุรกิจ (บริษัท ลูกค้า คู่ค้า) ตลอดจนนักลงทุน และคนรุ่นใหม่ ซึ่งในที่สุด จะสร้างทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ในโลกธุรกิจ รวมทั้งเปิดโอกาสการลงทุนอย่างมหาศาลในอนาคต โดย Hedge Fund สามารถจับโอกาสนี้เข้าเลือกซื้อ (Long) หุ้นในบริษัทที่คาดว่าจะสร้างผลดำเนินงานดีจากการปรับเปลี่ยนสู่ความยั่งยืนและศักยภาพที่ว่านี้ยังไม่สะท้อนในราคาหุ้น ขณะเดียวกัน สภาพคล่องที่ท่วมระบบในช่วงที่ผ่านมาก็เป็นโอกาสให้ Hedge Fund ใช้ตราสารอนุพันธ์ในการขายชอร์ต (Short) หุ้นที่วิเคราะห์แล้วว่าราคาแพงเพื่อสร้างกำไรเมื่อราคาหุ้นลดลงตามคาด รวมทั้งการขายชอร์ตดัชนีตลาดหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในกรณีที่ตลาดหุ้นโดยรวมพักฐาน
- ธีมความยั่งยืนที่เหมาะกับกลยุทธ์ Long/Short ที่กล่าวข้างต้น ได้แก่
- ธีมการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน โดยเลือกซื้อหุ้นของกิจการที่รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น พลังงานทางเลือก และขายชอร์ตหุ้นบริษัทที่ไม่มีแผนปรับเปลี่ยนจากการใช้พลังงานแบบดั้งเดิมที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
- ธีมการดูแลสุขภาพ โดยเจาะลึกไปถึงปัจจัยพื้นฐานของหุ้นรายตัว และอาจอาศัยโอกาสจากการอนุมัติยารักษาโรค หรือผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านนวัตกรรมการแพทย์
- ธีมการสร้างพลังให้ตัวบุคคล เช่น
i. การเข้าถึงการศึกษา ข้อจำกัดทางโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้นักเรียนจำนวนมากเข้าไม่ถึงการศึกษา เป็นโอกาสให้นักลงทุนสนับสนุนธุรกิจที่ช่วยให้นักเรียนได้รับการศึกษา หรือธุรกิจที่ช่วยพัฒนาความสามารถคนให้เหมาะกับความต้องการของตลาดแรงงาน
ii. การเข้าถึงบริการทางการเงิน คนส่วนมากในประเทศกำลังพัฒนายังไม่มีบัญชีธนาคาร เข้าไม่ถึงบริการทางการเงินที่จำเป็นทั้งการกู้ยืมและการออม เป็นโอกาสให้เข้าลงทุนในตลาดที่ธุรกิจบริการทางการเงินในรูปแบบที่แตกต่างจากธนาคารแบบดั้งเดิมกำลังเติบโต
Hedge Fund ที่ผสมผสานกลยุทธ์ Long/Short และกระแสการพัฒนาสู่ความยั่งยืนจะเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของขุมทรัพย์การลงทุนในระยะยาวได้ เพราะคาดว่าจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ ช่วยกระจายความเสี่ยง และยังถือเป็นการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกเพื่อโลกอนาคตอีกด้วย