เจดับเบิ้ลยูดี รุกธุรกิจอาหารดันรายได้ 100 ล้านปีนี้
เจดับเบิ้ลยูดี ผนึกบีคอน ลงทุนใน FoodStory รุกธุรกิจอาหารครบวงจรถึงบ้าน ทุ่ม1,000 ล้าน ดันรายได้ 100 ล้านในปีนี้และโตสองหลักในปีต่อไป ตามแผน 5 ปีดันรายได้แตะหมื่นล้าน คาดไตรมาส 2 ทำนิวไฮต่อเนื่อง
นายธเนศ พิริย์โยธินกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการค้า พัฒนาธุรกิจ และการลงทุน บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เปิดเผยว่า ล่าสุด บริษัท ร่วมกับ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (Beacon VC) บริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย ร่วมลงทุนในรอบ Series B กับ FoodStory สตาร์ทอัพผู้นำด้านการพัฒนาระบบ POS เพื่อยกระดับ Restaurant Ecosystem ให้มีความครอบคลุมและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ได้ลงทุนใน FoodStory
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจอาหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมการบริหารจัดการร้านอาหารโดยการเปลี่ยน Data เป็น Insight เพื่อให้เจ้าของธุรกิจร้านอาหารและผู้ใช้งานมีความเข้าใจการดำเนินงานของธุรกิจทั้งในเรื่องการจัดการภายในและการขาย ช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
บริษัทตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจอาหารในปีนี้กว่า 100 ล้านบาท และจะเติบโตเป็นสองหลักในปีต่อๆไป อีกทั้งบริษัทสนใจในธุรกิจที่เป็นคอนซูมเมอร์เซ็กเตอร์เพิ่มขึ้น ดังนั้น หลังจากบริษัทร่วมทุนกับ “ออริจิ้น เจดับเบิ้ลยูดี อินดัสเทรียล แอสเซท” ซึ่งมีคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร หากสามารถนำเทคโนโลยีแฟลตฟอร์มมาเชื่อมโยงกัน สามารถนำธุรกิจอาหารเข้ามาหาผู้อยู่อาศัย ซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะสร้างการเติบโตในระยะ3-5ปีข้างหน้าให้กับทางFoodStory ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่
ด้านงบลงทุนธุรกิจลอจิสติกส์และอาหารในปีนี้ ราว 500-1,000 ล้านบาท เป็นการขยายตลาดแบบ B2B สัดส่วน 85% อีก 15% แบบ B2Cและ C2C พร้อมกับการขยายเน็ตเวิร์คการกระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิผ่านการขยายคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าควบคุมอุณหภูมิของบริษัทและในอนาคตตามแผนธุรกิจที่วางไว้ FoodStory เป็นแพลตฟอร์มการบริหารจัดการร้านอาหารที่มีประสิทธิภาพและมีศักยภาพในการที่จะพัฒนาและขยายอย่างต่อเนื่องในอนาคต ด้วยโมเดลธุรกิจ เทคโนโลยี และทีมงาน ที่มีวิสัยทัศน์เข้าใจและเล็งเห็นความต้องการของผู้ประกอบการร้านอาหารแบบครบวงจร
นายธเนศ กล่าวว่า แนวโน้มไตรมาส2 ปีนี้น่าจะทำได้ดีกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากจากช่วงปีก่อนอุตสหากรรมรถยนต์ปิดนาน2 เดือน และยังเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส1 ปีนี้ เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่ที่เกี่ยวเนื่องในต่างประเทศเริ่มมีการฟื้นตัวที่ดี รวมถึงการลงทุนในธุรกิจใหม่ สนับสนุนให้การเติบโตดีขึ้นหวังว่าจะสามารถทำนิวไฮต่อเนื่องต่อไปได้ในปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเป้าหมาย 5 ปีข้างหน้า (ปี 64-68) สร้างยอดขายรายได้แตะ ระดับ 10,000 ล้านบาท ใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 12,000 ล้านบาท โดยเป็นงบลงทุนธุรกิจลอจิสติกและซัพพายเชนร้านอาหารคิดเป็นสัดส่วน 25%ของงบลงทุนทั้งหมด ที่เหลือเป็นธุรกิจยานยนต์และธุรกิจเคมี
"ในปี 2564 เป็นจุดเริ่มขยายธุรกิจตามแผนดังกล่าว สำหรับธุรกิจอาหาร วางเป้าหมาย พื่อขยายบริการลอจิสติกส์ทางด้านอาหารให้ครอบคลุมทั้ง ตลาด B2B B2C และ C2C ในอนาคต ผ่านการขยายบริการทางด้านการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบเร่งด่วน (Cold Chain Express Delivery)"