‘อธิป พีชานนท์’ชูวัคซีนทางเลือก เร่งมือกู้วิกฤติก่อนธุรกิจทรุด-ตกงานพุ่ง

"อธิป พีชานนท์" ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มองว่า การฉีดวัคซีนขณะนี้้ต้องเสมือนนำทุกคนมารวมใส่ในตะกร้าเดียวกัน! ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่มสาว คนสูงอายุ หรือแม้แต่แรงงานต่างชาติ เพราะหากแยกกลุ่มก้อน ขณะที่ต้องอยู่ร่วมกัน เหมือนอยู่บ้านแต่มีแม่บ้านเป็นแรงงานต่างด้าวแล้วยังไม่ได้รับวัคซีน ขณะที่เจ้าของบ้านฉีดก่อน หากแม่บ้านติดโควิดมาแน่นอนว่าสุดท้ายทุกคนในบ้านไม่อาจสามารถหลีกเลี่ยงการติดได้อยู่ดี

“ความจริงเราควรจะได้ฉีดพร้อมๆ กัน ไม่แยกอะไรเป็นอะไร ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุ คนหนุ่มสาว ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเป็นคนอายุ 60 ปี ฉีดก่อน เพราะกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่อยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน ตรงกันข้ามคนหนุ่มสาว วัยทำงานที่ออกไปทำงานทุกวันเสี่ยงที่จะติดโควิดสูงกว่าผู้สูงอายุที่อยู่ในบ้าน ยิ่งผู้สูงอายุต่างจังหวัดเขาไม่ไปไหนอยู่แต่ในบ้านทั้งวันทั้งคืน มีโอกาสในการติดเชื้อน้อยกว่า ซึ่งคนที่มีโอกาสติด คือ คนที่ออกไปทำงานในเมืองแต่กลับให้ฉีดทีหลัง"

ขณะเดียวกันรัฐบาลควรจะเปิดกว้างให้ “โรงพยาบาลเอกชน” นำเข้าวัคซีนทางเลือกมานานแล้ว ไม่ควรมีข้อจำกัด เพราะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลได้ เชื่อว่าประชาชน ผู้บริโภค ยินดีที่จะจ่ายเงินฉีดวัคซีนด้วยตัวเอง เป็นการช่วยให้รัฐบาลประหยัดเงิน

"รัฐต้องเปิดโอกาสให้คนมีเงินไปจองวัคซีนกับโรงพยาบาลเอกชนแล้วจ่ายเงินมัดจำไป ผมมั่นใจว่าโรงพยาบาลเอกชนจะสามารถหาวัคซีนมาให้ได้ โดสละ 2,000-3,000 บาท คนที่พอจะมีเงินซื้อวัคซีนฉีดเองได้ ยอมรับได้ ใครอยากฉีดก็ต้องยอมเสียเงิน แต่ถ้าจะฉีดฟรีต้องฉีดกับรัฐบาลและต้องรอคิว”

วัคซีนทางเลือกเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น จากความหลากหลายของข้อมูล ทำให้แต่ละคนเชื่อมั่นในวัคซีนแต่ละยี่ห้อแตกต่างกัน บางคนพอได้ยินว่า “ไฟเซอร์” ก็รู้สึกคุ้นเคยหรือบางคนเคยกินยาไวอากร้ามาก่อนเกิดความเชื่อมั่น บางคนเคยใช้ผลิตภัณฑ์ “จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน” รู้สึกมั่นใจแบรนด์นี้ ส่วนวัคซีน “โมเดอร์นา” มาที่หลังแต่พอคนอเมริกันฉีดจำนวนมากก็รู้สึกดี หรือบางคนก็คิดว่าทำไมเมืองจีนไม่ฉีดซิโนแวค ซิโนฟาร์ม แล้วทำไมรัฐบาลนำซิโนแวคเข้ามา ทำไมไม่นำชิโนฟาร์มมา เป็นต้น

“คนเราในโลกนี้มีความคิดที่หลากหลายก็เรื่องของเขาเหมือนมือถือ ทำไมบางคนใช้ไอโฟน บางคนใช้ซัมซุง ต่างคนก็ต่างไปซื้อ ไม่ใช่เรื่องแปลก รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้เขามีทางเลือกเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่และฟื้นเศรษฐกิจได้เร็วขึ้น”

ทั้งนี้ หากเรามองผลประโยชน์ของประเทศ! สิ่งสำคัญที่สุดต้องหาทุกวิธีทางที่ทำให้ประชาชนฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุด การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเวลานี้กล่าวได้ว่า ผูกติดอยู่กับวัคซีน! โดยที่องค์กรเอกชน ภาคธุรกิจต่างๆ ผนึกพลังความร่วมมือทุกภาคส่วนขับเคลื่อนอย่างสุดกำลัง เพราะไม่อาจ “ช้า” ไปกว่านี้ได้แล้วท่ามกลางสัญญาณชีพของกิจการไม่ว่าจะโรงแรม ร้านอาหาร ที่ไม่น้อยต้องปิดกิจการทั้งชั่วคราวและถาวร หรือผู้ประกอบการบางรายต้องตัดขายสินทรัพย์ต่อลมหายใจ รักษาสภาพคล่องรอการฟื้นตัว

อย่าลืมว่าวิกฤติและผลกระทบต่อธุรกิจถึงขึ้นเจ๊ง! ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากฝีมือบริหารจัดการ ฉะนั้น รัฐจะเยียวยา ช่วยพยุงธุรกิจอย่างไร? ที่จะไม่ทำให้มีผู้คนตกงานอีกมหาศาล!