กองถ่ายหนังต่างประเทศไม่หวั่นโควิด! เปิดสถิติ 4 เดือนแรกไทยกวาดรายได้ 1.2 พันล้าน

นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า ได้รับรายงานจากกองกิจการภาพยนตร์และวิดีทัศน์ต่างประเทศ เกี่ยวกับสถิติการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้ข้อผ่อนปรนของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 ตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศเข้ามาในประเทศแล้ว 31 เรื่อง สร้างรายได้รวม 1,212.28 ล้านบาท

หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 แม้ว่าจะมีจำนวนเรื่องที่น้อยกว่ามาก เพราะปีที่แล้วมีจำนวนเรื่องมากถึง 123 เรื่อง แต่หากเทียบรายได้แล้ว พบว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมาก เนื่องจากปีที่แล้วมีรายได้เพียง 589.12 ล้านบาท โดยตลอดปี 2564 กรมการท่องเที่ยวตั้งเป้าหมายว่าประเทศไทยจะมีรายได้ในเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท 

“ขณะนี้รายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ถือเป็นรายได้เพียงอย่างเดียวที่เห็นเป็นรูปธรรมทางด้านการท่องเที่ยวและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง”

กรมการท่องเที่ยวหวังว่าเรื่องนี้จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลผ่านการจัดสรรงบประมาณในปี 2565 เพื่อนำมาใช้กับมาตรการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย โดยการคืนเงิน 15% ให้กองถ่ายที่นำเงินมาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อช่วงชิงกองถ่ายทำจากทั่วโลกให้มาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น และยังส่งผลดีต่อประเทศไทยอีกด้วย

อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้หากพิจารณาสถิติในเดือน พ.ค.นี้ เบื้องต้นมีจำนวน 4 เรื่อง สร้างรายได้แล้ว 261.27 ล้านบาท แต่หากเทียบสถิติเป็นปีงบประมาณแล้วพบว่าประเทศไทยมีจำนวนกองถ่ายหนังจากต่างประเทศ ทั้งการถ่ายทำภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ สารคดี และมิวสิกวิดีโอ เข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ก่อนที่จากเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 โดยในปีงบประมาณ 2562 พบว่ามีจำนวนกองถ่ายเข้ามาในไทยมากถึง 740 เรื่อง คิดเป็นรายได้ 4,863.74 ล้านบาท ส่วนในปี 63 มีจำนวน 176 เรื่อง คิดเป็นรายได้ 1,747.68 ล้านบาท

สำหรับแนวทางการส่งเสริมกองถ่ายภาพยนตร์จากต่างประเทศให้เดินทางเข้ามาในไทยนั้น ที่ผ่านมามีปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยเป็นที่สนใจของกองถ่ายระดับโลกให้เดินทางเข้ามามากขึ้น เป็นเพราะรัฐบาลได้เข้ามาส่งเสริมด้วยการออกมาตรการช่วยสนับสนุนด้วยการคืนเงินจากการใช้จ่ายระหว่างถ่ายทำในไทยให้ 15% พร้อมกับเพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษหากเลือกใช้นักแสดงจากในไทย หรือใช้อุปกรณ์ในประเทศได้เงินคืนเพิ่มอีก 3% และหากเนื้อหาของภาพยนตร์เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศจะได้รับเงินคืนเพิ่มอีก 2% รวมสูงสุด 20%