ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นทรงตัว เหตุปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปคงคลังสหรัฐพุ่ง

หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ประเมินทิศทางราคาน้ำมันระยะสั้นยังทรงตัว โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องดังนี้ ราคาน้ำมันดิบคงตัว หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ค.

ขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่ม 1.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ มกุฎราชกุมาร อับดุลลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ได้แสดงความเห็นว่า อุปสงค์ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้ตลาดน้ำมันกลับสู่ภาวะสมดุลได้เร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากมติของกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (OPEC+) ที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับอิหร่านยังไม่มีแนวโน้มที่จะส่งน้ำมันออกสู่ตลาดในเร็วๆ นี้ เนื่องจากความล่าช้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน โดยกลุ่มโอเปกพลัสจะประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ค.นี้

โดยปิดตลาดเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2564 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อยู่ที่ 68.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.02ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เบรนท์ อยู่ที่ 71.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และดูไบ อยู่ที่ 70.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ พบว่า ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นในอินโดนิเซีย อย่างไรก็ดี ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในเอเชียยังคงอยู่ในระดับต่ำจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ส่วนราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เช่นกัน จากการผลิตน้ำมันดีเซลปรับลดในจีนและอินเดีย ท่ามกลาง ความกังวลจากอุปสงค์น้ำมันดีเซลในเอเชียยังคงอยู่ในระดับต่ำ

โดยปิดตลาดเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.2564 ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ 78.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 75.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล