ผ่อนคันเร่ง (4 มิ.ย.64)

ตลาดหุ้นเมื่อวันอังคาร

SET ปิดลบ 1 จุด (-0.06%) ที่ 1,617.55 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1 แสนลบ. นักลงทุนเทขายทำกำไรและลดความเสี่ยงก่อนที่หุ้นไทยจะปิดทำการ 1 วัน วันนี้ติดตาม Nonfarm payrolls วัดความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานของสหรัฐ

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

คาด SET แกว่งตัว 1,605 – 1,625 จุด แม้ตลาดจะได้แรงหนุนคาดการณ์เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวหลังการฉีดวัคซีน Covid-19 ซึ่งล่าสุดไทยได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าล็อตแรก 1.8 ล้านโดสตาม timeline แล้ว  รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวระดับสูงซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและปิโตร  อย่างไรก็ตามภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นรวมถึงสัญญาณเทคนิคที่เข้าใกล้เขต Overbought จะกดดันให้ดัชนีผันผวน 

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

• Global paly ตามเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว PTT PTTEP PTTGC TOP IVL BANPU 
• BCH CHG BDMS MINT CENTEL AOT CPALL HMPRO CPN CRC อานิสงส์การเปิดเมือง
• คาดการณ์หุ้นเข้า SET50  (KCE, IRPC, STA, STGT)   SET100  (AAV, BLA, ICHI, PSL, PTL, SINGER, STARK, STGT, SYNEX) ประกาศช่วงกลางเดือน มิ.ย.

หุ้นแนะนำวันนี้

• ERW (ปิด 3.16 ซื้อ/เป้า 3.6) ได้ Sentiment บวกแอสตราเซเนก้าทยอยกระจายวัคซีนให้กับไทยเพิ่มความหวังต่อแผนเปิดประเทศเป็นบวกต่อกลุ่มธุรกิจโรงแรมโดยเฉพาะ ERW ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมในประเทศมากที่สุด
• AMATA (ปิด 19.2 ซื้อ/เป้า 24) ได้ Sentiment บวกจาก Them เปิดเมืองช่วยหนุนยอดขายที่ดินเพิ่มขึ้นในอนาคต และยังมีปัจจัยบวกจากความคือหน้าในการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนทาง ศก. ภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ซึ่งไทย จีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้อยู่ระหว่างการขอเข้าร่วมข้อตกลงดังกล่าว

บทวิเคราะห์วันนี้

CKP (ปิด 5.6 ปรับเป็นซื้อ/เป้าใหม่ 6.5 เดิม 5.1), Banking sector (Top pick: KBANK)

ประเด็นสำคัญวันนี้

• (+) แอสตร้าเซนเนก้า ทยอยส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตในประเทศไทยแล้ว: นับเป็นพัฒนาการทางบวกที่จะทำให้การกระจายวัคซีนในประเทศเพิ่มขึ้นและเป็นไปตามแผนหรือ Timeline ที่เคยประกาศไว้ เบื้องต้นบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์จะส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้กับไทยล็อตแรก 1.8 ล้านโดสจากนั้นจะเพิ่มขึ้นเพื่อให้ครบ 6 ล้านโดสในเดือน มิ.ย. นับเป็นสัญญาณบวกต่อหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มค้าปลีก และ กลุ่มนิคมฯ
• (-) กังวลทิศทางเงินเฟ้อหลังตัวเลข ศก. สหรัฐออกมาดี: ตลาดหุ้นดาวโจนส์เคลื่อนไหวผันผวนเนื่องจากนักลงทุนกลับมากังวลกับทิศทางเงินเฟ้อหลังสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ระดับ 385,000 รายต่ำสุดนับตั้งแต่ Covid-19 ระบาด นอกจากนี้ยังรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเดือน พ.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 64 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดย US Bond yield เริ่มขยับขึ้นจาก 1.60% เป็น 1.628%
• (+/-) ติดตามตัวเลข Nonfarm payroll วัดความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ: สหรัฐจะประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non farm payrolls) และอัตราการว่างงานเดือน เม.ย. ในวันนี้ ตัวเลขนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากแค่ใหน เพราะหากตลาดแรงงานสหรัฐแข็งแกร่งและอัตราการว่างงานลดลงจะเร่งให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย