สสว.ชูแต้มต่อเอสเอ็มอี โอกาสใหม่ประมูลงานรัฐ

มาตรการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ซึ่งสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ที่ร่วมกับกรมบัญชีกลาง ภายใต้กฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563 ให้สิทธิประโยชน์เอสเอ็มอีกลุ่มที่ขึ้นทะเบียนกับ สสว.ในระบบ THAI SME-GP หรือ www.thaismegp.com

วีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สสว.กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวกำหนดให้หน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สถาบันการศึกษาและสถานพยาบาลรัฐทั่วประเทศ จัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการจากเอสเอ็มอีที่ขึ้นทะเบียนในระบบ THAI SME-GP สัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% สร้างรายได้ให้เอสเอ็มอีไม่น้อยกว่า 4 แสนล้านบาท ซึ่งเอสเอ็มอีที่สนใจติดต่อข้อมูลได้ที่คอลเซ็นเตอร์ 1301 หรือศูนย์ให้บริการเอสเอ็มอีครบวงจร (OSS) ทั่วประเทศ

ขณะที่สิทธิประโยชน์ที่เอสเอ็มอีได้รับจากการเข้าระบบ THAI SME-GP มี 5 ด้าน คือ 1.โอกาสได้รับการซื้อหรือจ้างจากหน่วยงานรัฐในจังหวัดเดียวกันก่อนผู้ประกอบการจังหวัดอื่น 2.แข่งขันด้านราคาได้มากขึ้นด้วยแต้มต่อในการประมูล e-Bidding โดยเสนอราคาได้สูงกว่าราคาต่ำสุดไม่เกิน10% จะเป็นผู้ชนะประกวดราคา

3.เข้าถึงตลาดภาครัฐมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาทต่อปี 4.ได้รับการพัฒนาจาก สสว.หรือหน่วยงานอื่น และเข้าถึงตลาดภาครัฐ เช่น การพัฒนาคุณภาพ มาตรฐานสินค้าหรือบริการ การสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนทั้งก่อนและหลังการส่งมอบสินค้าหรือบริการ 5.เข้าถึงข้อมูลข่าวสารธุรกิจ

สำหรับวิธีคัดเลือกกำหนดให้หน่วยงานภาครัฐจัดซื้อหรือจ้างเอสเอ็มอีในพื้นที่ตั้งหน่วยงานก่อน โดยค้นรายการสินค้าเอสเอ็มอีใน THAI SME-GP ในพื้นที่จังหวัดไม่น้อยกว่า 3 ราย หากไม่ครบจึงเลือกจากบัญชีทั่วประเทศ เพื่อเชิญเข้าร่วมเสนองาน และคัดเลือกตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งจะสร้างโอกาสให้เอสเอ็มอีในพื้นที่ก่อน

ส่วนวิธีประกวดราคา e-bidding ที่ใช้เกณฑ์ราคาต่ำสุดจะให้แต้มต่อด้านราคาแก่เอสเอ็มอีไม่เกิน 10% ซึ่งเพิ่มโอกาสเอสเอ็มอีในการแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ หรือผู้ที่ไม่ขึ้นทะเบียนในระบบมากขึ้น

เอสเอ็มอีที่ได้สิทธิประโยชน์มาตรการ THAI SME-GP ครอบคลุมผู้ค้ากับภาครัฐเดิม หรือผู้ลงทะเบียนระบบ e-GP ของกรมบัญชีกลาง และกลุ่มไม่เคยค้าขายกับรัฐทั้งนิติบุคคล บุคคลธรรมดาหรือวิสาหกิจชุมชน มีคุณสมบัติตามนิยาม สสว.คือ 1.ผู้ประกอบการภาคการผลิตมีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี 2.ผู้ประกอบการภาคการค้าและภาคบริการมีรายได้ไม่เกิน 300 ล้านบาทต่อปี