KEX ผนึกพันธมิตรลุย 2 ธุรกิจใหม่ พร้อมให้บริการครึ่งหลังปีนี้
“เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” แย้มอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร 2 ธุรกิจใหม่ คาดชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 64 พร้อมศึกษาดีลควบรวมกิจการต่อเนื่อง ชี้รายได้ไตรมาส 2/64 ทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก อานิสงส์โควิดหนุนวอลุ่มขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น
นายอิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรธุรกิจในขั้นตอนสุดท้ายเพื่อเปิดตัวธุรกิจใหม่ ได้แก่ Kerry Cool คือธุรกิจให้บริการระบบการขนส่งแบบควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain Delivery) และ Kerry Enterprise คือระบบจัดส่งพัสดุที่มีบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ ตามลำดับ โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564
ทั้งนี้บริษัทยังคงมองหาและศึกษาดีล M&A ใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้เพื่อดำเนินการตามกลยุทธ์หลักของบริษัทที่ต้องการกระจายความหลากหลายของธุรกิจ (Business Diversification) โดยพันธมิตรรายใหม่ที่กำลังศึกษาจะเป็นพันธมิตรที่มีธุรกิจใกล้เคียง หรือเป็นธุรกิจแวดล้อมที่สามารถต่อยอดธุรกิจขนส่งด่วน ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมของ เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ได้ด้วย โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้เช่นเดียวกับดีลแรก
ส่วนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก ส่งผลให้เกิดกระแสการทำงานจากบ้าน (Work from Home) และส่งผลต่อเนื่องให้ปริมาณขนส่งสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้คาดว่ารายได้ไตรมาส 2 ปี 2564 จะเติบโตต่อเนื่อง จากไตรมาส 1 ปี 2564 ที่มีรายได้รวม 4,215.32 ล้านบาท โดยพบว่าปริมาณขนส่งสินค้า (วอลุ่ม) มีทิศทางเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่เติบโต 13% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงส่วนแบ่งตลาด (Market Share) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสแรกเช่นกัน อันเป็นผลจากการทำแคมเปญการตลาดที่เพิ่มขึ้น สำหรับรายได้ไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้คาดว่าจะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยคาดว่าวอลุ่มขนส่งสินค้าจะเพิ่มขึ้นเพราะเป็นไฮซีซันของธุรกิจ
ในการนี้ KEX อยู่ระหว่างปรับปรุงแพลตฟอร์มครั้งใหญ่เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้แก่ การนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมประสิทธิภาพและลดต้นทุนการขนส่งสินค้า การปรับปรุงเครื่องมือและระบบส่งสัญญาณเพื่อร่นระยะเวลาขนส่งสินค้าและลดความเสียหายอันเนื่องมาจากการสัมผัสพัสดุ และสุดท้ายคือการนำระบบอัลกอริทึม (Algorithm) เข้ามาใช้ในการจัดส่งพัสดุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนบริการแก่ลูกค้า โดยคาดว่าจะเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมในเดือน ก.ค.นี้
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ส่งผลให้เกิดกระแสการทำงานจากบ้าน (Work from Home) และส่งผลต่อเนื่องให้ปริมาณขนส่งสินค้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทยังคาดหวังให้สถานการณ์การระบาดคลี่คลายโดยเร็ว เพราะมองว่าการกลับมาฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะเป็นผลบวกต่อการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และจะส่งผลบวกกลับมายังธุรกิจของเคอรี่ เอ็กซ์เพรส ในที่สุด”
ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปลายปี 2563 บริษัทนำเงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งไปชำระคืนเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดจำนวน 800 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทไม่มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยกับธนาคาร และส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ลดลงเหลือ 0.62 เท่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่องท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 โดยมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจำนวน 614 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดสุทธิ (Net Cash Position) จำนวน 9,697 ล้านบาท ณ สิ้นเดือน มี.ค.