เฟรเซอร์สฯลุย ลงทุนหมื่นล้าน รุกน่านน้ำสีม่วง
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล มั่นใจศักยภาพประเทศไทยดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติหลังเปิดประเทศ กางแผน 5 ปี ทุ่มกว่า 1.25 หมื่นล้าน เดินหน้าลงทุนขยายพอร์ตฯ แตะ 4 ล้านตร.ม. วางกลยุทธ์ “น่านน้ำสีม่วง” ชู 2 ยุทธศาสตร์ “เราพร้อม-เราต่าง” ฉีกคู่แข่ง
นายโสภณ ราชรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ FPIT กล่าวว่า ศักยภาพประเทศไทยศูนย์กลางแห่งภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อว่าดึงดูดนักลงทุนเข้ามาอย่างต่อเนื่องหลังเปิดประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจออโตโมทีฟ และอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนักลงทุนจีน ไต้หวัน สิงคโปร์ รวมทั้งฝั่งตะวันตก
บริษัทวางแผน 5 ปีข้างหน้ามุ่งเตรียมความพร้อม สร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตในทุกมิติ รองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยแผนกลยุทธ์ “น่านน้ำสีม่วง” หรือ Purple Ocean Strategy ที่เสริมสร้างความพร้อมและความแตกต่างในการขับเคลื่อนธุรกิจไม่ว่าจะเผชิญกับการแข่งขันสูงในน่านน้ำสีแดง หรือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่กำลังเกิดขึ้นในน่านน้ำสีน้ำเงิน หรือหากต้องเผชิญกับทั้งสองน่านน้ำในคราวเดียวกัน
"แม้เราเผชิญวิกฤติการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ธุรกิจโลจิสติกส์ได้อานิสงค์อยู่มาก สะท้อนจากผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย ซึ่งเรานำประสบการณ์ ความชำนาญในธุรกิจกว่า 30 ปี มาพัฒนาเป็นโซลูชั่นครบวงจรที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ"
โดยกลยุทธ์ “น่านน้ำสีม่วง” และยุทธศาสตร์ใหม่นี้จะผลักดันให้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล เติบโตได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง ด้วยอัตราเฉลี่ย 10-15% ต่อปี จากอัตราการเช่า (Occupancy Rate ) 85-90% ต่อปี
5ปีงบลงทุน 1.25-1.75 หมื่นล้าน
บริษัทเตรียมงบสำหรับลงทุนเฉลี่ย 2,500-3,500 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นมูลค่า 1.25-1.75 หมื่นล้าน ใน 5 ปีข้างหน้า โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาใหม่เพื่อเสริมการเติบโตของพอร์ตฟอร์ลิโอที่แต่ละปีมีการก่อสร้าง 1.5- 2 แสนตร.ม.ต่อปี เพื่อขยายพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านตร.ม. ภายในปี 2568 รองรับทุกความต้องการของลูกค้า ตามแนวคิดสร้างสรรค์พื้นที่แห่งแรงบันดาลใจที่เอื้อให้ธุรกิจของลูกค้าดำเนินไปได้อย่างไร้รอยต่อ ในทุกสภาวการณ์
ที่ผ่านมา บริษัทยังได้ทำ “บิสซิเนส ทรานฟอร์มเมชั่น” ปรับรูปแบบการทำงานให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะแข่งขันในทุกโอกาส และรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมของประเทศไทย ปัจจุบันมีพื้นที่ภายใต้การบริหารจัดการทั้งสิ้นกว่า 3 ล้าน ตร.ม. มีอัตราการเช่าสูงถึง 82% ในปีนี้
‘เราพร้อม'เร่งขยายตลาด
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและรองรับความผันผวนของตลาดที่ไม่สามารถคาดเดาได้ในอนาคต บริษัทกำหนดยุทธศาสตร์ “เราพร้อม” (We are ready) และ “เราต่าง” (We are different) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์น่านน้ำสีม่วง
ยุทธศาสตร์สร้างความพร้อม ได้แ่ 1.การเพิ่มทำเลศักยภาพเชิงอุตสาหกรรมเข้ามาในพอร์ตเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน 2.ร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศที่มีความสามารถเฉพาะด้าน เพื่อต่อยอดธุรกิจ อาทิ บริการระบบออโตเมชั่น การบริหารทรัพย์สิน การพัฒนาธุรกิจใหม่ 3.ปรับปรุงอาคารโรงงานและคลังสินค้าให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของลูกค้าภายใต้โครงการ Asset Enhancement Initiative (AEI)
4.ขยายการลงทุนต่างประเทศ ปัจจุบันมีการลงทุนในอินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่เมืองบินห์เยือง จำนวน 300 ไร่ จะเริ่มมีรายได้เข้ามาปลายปีหน้า 5.พัฒนาบุคลากรเน้นประยุกต์ใช้องค์ความรู้สมัยใหม่ อาทิ Design Thinking, Customer Centric และ Human Centric และมุ่งบริหารจัดการทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้บิ๊กดาต้า และ เทคนิคการทำ Asset Managementและ 6.สร้าง PropTech Platform นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอาคาร ให้บริการด้วยแนวคิดอาคารอัจฉริยะ (Smart Building)
สร้างความต่างฉีกคู่แข่ง
ด้านยุทธศาสตร์สร้างความแตกต่าง ได้แก่ 1.เดินหน้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย อาทิ โครงการ In-Property Logistics และ In-City Logistics เพื่อย่อขนาดพื้นที่โลจิสติกส์เข้าสู่ในเมือง ทั้งเตรียมออกแบบเพื่อขยายขนาดการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ อาทิ โครงการเมืองอุตสาหกรรม (Industrial Township) ที่เป็นการรวมอสังหาริมทรัพย์หลายประเภทเข้าไว้ในพื้นที่พัฒนาเดียวกัน รองรับการขยายตัวธุรกิจดิลิเวอรี่และให้บริการกลุ่มลูกค้าขนาดกลางและเล็กได้
2.มุ่งพัฒนาการดำเนินงานตามแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) ภายใต้นโยบาย Green Development Policy มุ่งพัฒนาอาคารเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยั่งยืนในด้านการบริหารจัดการ รวมถึงการขยายการลงทุนในระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3.พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ในการให้บริการพื้นที่อาคารอุตสาหกรรม อาทิ Co-Warehousing หรือ Flexible Space ทำให้พื้นที่จัดเก็บมีความคล่องตัวมากขึ้น เพื่อให้บริการแก่ผู้ประกอบการรายย่อย รวมถึงพัฒนาบริการที่รองรับระบบ Smart Storage ด้วย IoT มาเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ