อสังหาฯ ภูเก็ต หนุนฟรีโฮลด์แนวราบ 'เช่า 90 ปี' กระตุ้นแรงซื้อต่างชาติ
นายกสมาคมอสังหาฯภูเก็ต ระบุนโยบายเปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรและขยายระยะเวลาเช่าระยะยาวเพิ่ม 90ปี ช่วยกระตุ้นต่างชาติซื้ออสังหาฯไทยได้มากกว่าเพิ่มโควตาต่างชาติให้สามารถซื้อคอนโดได้มากขึ้น
นายพัทธนันท์ พิสุทธิ์วิมล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต มองว่า การขยายโควตาต่างชาติให้สามารถซื้อคอนโดมิเนียมจาก49% ขยับเป็น 70% นั้นทำให้ซื้อได้มากขึ้น ทำการตลาดและขายง่ายขึ้นแต่ไม่ช่วยกระตุ้นความอยากซื้อเพิ่มขึ้น เท่ากับการเปิดโอกาสให้ต่างชาติซื้อกรรมสิทธิ์แนวราบ (บ้านจัดสรร)ได้ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ เพราะที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่อนุญาตให้ต่างชาติซื้อได้ นอกจากให้เช่าระยะยาวหรือลีสโฮลด์(Leasehold)เท่านั้นหากทำได้จริงควรจะแบ่งสัดส่วนเหมือนกับคอนโด คือให้ต่างชาติถือครองได้ 49 % คนไทยถือครองได้ 51%
“เชื่อว่า นโยบายนี้จะมีผลทำให้ชาวต่างชาติอยากซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะคนจีนเนื่องจากเทรนด์คนจีนหลังเกิดโควิดอยากซื้อบ้านป็นพูลวิลล่ามากขึ้น หากทำได้จะมีผลดีแน่โดยอาจจะมีเงื่อนไขต้องซื้อบ้านหลังละ10ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับชาวต่างชาติอย่างคนจีน รัสเซีย และประเทศเอเชียที่มีกำลังซื้อ ยิ่งสามารถถือครองสิทธิ์ได้ช่วยสร้างแรงจูงใจให้อยากซื้อเพิ่มขึ้น”
นายพัทธนันท์ กล่าวต่อว่า อีกนโยบายหนึ่งที่จะกระตุ้นให้คนซื้อได้ก็คือการเพิ่มระยะเวลาการเช่าระยะยาวจากปัจจุบันการเช่าระยะยาวอยู่ที่ 30 ปี และต่อได้อีก30ปี ถ้าหากสามารถขยายเป็น50ปี บวก30ปี หรือบวก40ปีจะช่วยกระตุ้นให้ต่างชาติอยากซื้อมากขึ้น เนื่องจากวงจรการอยู่อาศัยของชาวต่างชาติปัจจุบันต่างชาติซื้อบ้านเร็วขึ้น อายุน้อยลง บางคนมาซื้ออายุ 30-40ปี โดยเฉพาะคนจีนอายุ 30 กว่าปีมีศักยภาพในการซื้ออสังหาฯแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาอายุ 60กว่าจะหมดสัญญาแล้วและการต่อสัญญาอีก30ปี อีกรอบหนึ่ง ซึ่งเป็นการต่อโดยไม่มีกฏหมายรองรับจึงมีความไม่แน่นอน ฉะนั้นหากเป็นไปได้ว่าขยาเวลาเช่าออกไปถึง50ปี คนที่มาซื้อ30-40ปี ตอนนี้บวกอีก50 ปี รวมเป็น80-90ปี จะทำให้เขารู้สึกคุ้มเพราะสามารถอยู่ได้ตลอดชั่วชีวิตเขา คาดว่า วิธีนี้จะกระตุ้นการตัดสินใจซื้อให้เกิดผลมากกว่ากับการเพิ่มเปอร์เซ็นต์โควตาต่างชาติให้สามารถซื้อคอนโดมิเนียมได้มากขึ้น
นางกมลภัทร แสวงกิจ ผู้จัดการใหญ่ ประจำประเทศไทย ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า มุมมองที่ให้ต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯไทย ปัจจุบันมีกำหนดหลักเกณฑ์อยู่แล้วว่า ถ้าเป็นคอนโดชาวต่างชาติซื้อได้ไม่เกิน49% ส่วนบ้านแนวราบซื้อไม่ได้ ยกเว้นจดเป็นทะเบียนบริษัท ซึ่งในส่วนตัวมองว่า การขยายเพดานโควตาชาวต่างชาติจะช่วยได้ แต่ขณะเดียวกันอาจจะต้องมีการจำกัดสิทธิบางอย่าง เช่น การโหวตนิติบุคคลเพื่อให้คนไทยมีสิทธิเป็นส่วนมากในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ
“ จากเดิมที่คอนโดสัดส่วนชาวต่างชาติอยู่ที่49% อาจจะขยายไป 70% หากทำได้จะช่วยระบายซัพพลายที่มีอยู่ในตลาดอสังหาฯจะลดลง แต่อาจต้องไปลิมิตเรื่องของราคาอสังหาฯที่เราจะอนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาซื้อเหมือนกับที่ประเทศมาเลเซีย ระบุว่า ผู้ที่ซื้ออสังหาฯ ในมาเลเซียจะต้องมีมูลค่าขั้นต่ำตั้งแต่ 1 ล้านริงกิตหรือประมาณ8 ล้านบาท ขึ้นไปเพื่อไม่ให้คนต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาฯที่ราคาต่ำกว่านั้น ”
นาง กมลภัทร ระบุว่า ในส่วนนโยบายที่เปิดโอกาสให้ต่างชาติสามารถซื้อกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบนั้นจากเดิมที่ไม่อนุญาต ควรจะมีการขยายเพดานไว้ว่าไม่ควรเกิน 50% เพราะเวลาซื้อบ้านจะครอบครองทั้งตัวบ้านและที่ดินด้วย ฉะนั้นต้องดูสัดส่วนที่เหมาะสมด้วย