CBG - ซื้อ (25 มิ.ย.64)
ปรับสูตรหนุนกำไร
เราคาดรายได้ 2Q จะฟื้นตัว qoq หนุนจาก (1) การเติมสต๊อกสินค้าในเมียนมาร์หลังระดับสินค้าคงคลังต่ำ และ (2) ความต้องการตลาด CLMV ฟื้นตัวใน เม.ษ. และ พ.ค. นอกจากนี้หาก CBG ลดส่วนผสมน้ำตาลจาก 20 กรัม/150 มล. เป็น 12 กรัม/100 มล. จะหนุนกำไรขั้นต้นขึ้น 320 ลบ. และอัตรากำไรขั้นต้น 1.6% เราคงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายใหม่ที่ 155.5 บาท (จาก 140 บาท)
รายได้ 2Q มีแนวโน้มฟื้นตัว qoq
เราคาดรายได้ 2Q จะฟื้นตัว qoq หนุนจากการเติมสต๊อกสินค้าในเมียนมาร์หลังระดับสินค้าคงคลังต่ำ เนื่องจากความล่าช้าในการขนส่งสินค้าจากการปิดชายแดน และความล่าช้าในการโอนเงินเพื่อจ่ายสินค้านำเข้าใน 1Q นอกจากนี้ความต้องการในตลาด CLMV มีการฟื้นตัวใน เม.ษ.และ พ.ค. ดังนั้นเราคาดกำไร 1Q21 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้
สูตรน้ำตาลต่ำจะหนุนกำไร
คู่แข่งในตลาดได้ปรับสูตรเครื่องดื่มชูกำลังให้มีน้ำตาลน้อยลงและลดภาษีน้ำตาลลงจาก 1.0 บาทต่อลิตรเป็น 0.1 บาทต่อลิตรตั้งแต่ 1Q20 ล่าสุด CBG มีสัดส่วนน้ำตาลในเครื่องดื่มที่ 20 กรัม/100 มล. หรือ 13.33 กรัม/100 มล. CBG ยังมีช่องให้ปรับสูตรน้ำตาลงเพื่อลดภาษีน้ำตาลและลดต้นทุนวัตถุดิบ ส่วนผสมน้ำตาลคิดเป็น 5% ของต้นทุนการผลิต หาก CBG สามารถลดส่วนผสมน้ำตาลลงเป็น 12 กรัม/150 มล. หรือ 8 กรัม/100 มล. จะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากทั้งการประหยัดภาษีและต้นทุนจากการใช้วัตถุดิบลดลง 0.165 บาทต่อหน่วย หรือ 320 ลบ. ต่อปี เทียบเท่าการเพิ่มกำไรขั้นต้น 1.6% นอกจากนี้เราคาดบริษัทจะประหยัดต้นทุนจากโรงงานบรรจุภัณฑ์ใหม่ ซึ่งเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ใน 2Q ราว 50 ลบ. ในปี FY21F และ 100 ลบ. ต่อปีตั้งแต่ปี FY22F เป็นต้นไป
คงคำแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมายใหม่ที่ 155.5 บาทต่อหุ้น (จาก 140 บาท)
เราคงคำแนะนำ ซื้อ จาก (1) การฟื้นตัวใน 2Q และ (2) กำไรที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น เราปรับคาดการณ์ปี FY21F และ FY22F ขึ้น 2% และ 7% เป็น 4.05 พันลบ. และ 4.97 พันลบ. ตามลำดับ หลังรวมปัจจัยการประหยัดต้นทุนจากสูตรน้ำตาลต่ำ รวมถึงต้นทุนที่ลดลงจากโรงงงานบรรจุภัณฑ์ใหม่ ราคาเป้าหมายของเราอิงวิธี DCF