SSP เพิ่มทุน 'พงศ์ศักดิ์-ยูโอบี' 50 ล้านหุ้น รับเงิน 605 ล้านบาท
บอร์ด SSP อนุมัติขายหุ้นเพิ่มทุน PP จำนวน 50 ล้านหุ้น หรือ 4.93% ราคาหุ้นละ 12.10 บาท มูลค่า 605 ล้านบาท แก่ "พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี" และ "ยูโอบีเคย์เฮียน ไพรเวท ลิมิเต็ด"
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม 2564 มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จํานวน 50,000,000 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจํานวน 1,369,169,683 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจํานวน 1,419,169,683 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 50,000,000 หุ้น คิดเป็น 4.93% ต่อทุนที่ชำระแล้ว ณ วันที่กรรมการมีมติให้เพิ่มทุน มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจัดสรรให้บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) ประกอบด้วย
การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจํานวนไม่เกิน 30,00,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขาย 12.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 363,000,000.00 บาท ให้แก่ ยูโอบีเคย์เฮียน ไพรเวท ลิมิเต็ด (UOB Kay Hian Private Limited) และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจํานวนไม่เกิน 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในราคาเสนอขาย 12.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 242,000,000.00 บาท ให้แก่ นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ซึ่งภายหลังการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนนักลงทุนดังกล่าวจะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นรวม 4.70% ของจํานวนหุ้นที่จําหน่ายได้แล้วทั้งหมด
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังมีมติอนุมัติกําหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2564 เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 19 ตุลาคม 2564 เวลา 10.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-EGM) โดยกําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในวันที่ 23 สิงหาคม 2564 (Record Date)
"กลุ่มนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาลงทุนซื้อหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐาน และมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัทในอนาคต ส่วนวัตถุประสงค์ของการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน เพื่อใช้เป็นเงินทุนไปต่อยอดการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มปริมาณกำลังการผลิตในมือให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ เพื่อผลักดันให้ผลงานเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตลอดจนการสร้างผลตอนแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ต่อเนื่อง"
บริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะขยายการลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าจํานวนรวมทั้งสิ้น 400 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 จากปีนี้จะอยู่ที่ 200 เมกะวัตต์ ผ่านการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งในรูปแบบการลงทุนพัฒนาโครงการด้วยตัวเอง (Greenfield Project Investment) ตลอดจนการเข้าลงทุนในโครงการที่เปิดดําเนินการแล้ว (Operating Assets) โดยบริษัทฯ มีการเข้าทําการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รวมถึงพิจารณาข้อเสนอ และเงื่อนไขในการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอยู่หลายโครงการ
ดังนั้น จึงมีความประสงค์ที่จะระดมทุน เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสําหรับรองรับการขยายกิจการในอนาคต โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะใช้เงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ในการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็นงบประมาณในการเข้าลงทุนเป็นจํานวนประมาณ 900 -1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากบริษัทฯ ต้องใช้เงินลงทุนเกินกว่าจํานวนเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะพิจารณาใช้แหล่งเงินทุนอื่น อาทิเช่น การออกและเสนอขายหุ้นกู้ หรือการกู้ยืมเงินทุนจากสถาบันการเงิน ประกอบกับการที่บริษัทฯ พิจารณานักลงทุนที่มีศักยภาพด้านเงินทุน และมีความประสงค์ที่จะเข้าลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน บริษัทฯ จึงได้เข้าเจรจากับนักลงทุน จนประสบผลสําเร็จในครั้งนี้
"การขายหุ้นให้ PP ครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ มีแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในอนาคต ตามเป้าหมายที่บริษัทฯตั้งไว้ในการขยายการลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าจํานวนรวมทั้งสิ้น 400 เมกะวัตต์ ภายในปี 2567 ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและความมั่นคงให้แก่ฐานะการเงินของบริษัท อีกทั้ง ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดําเนินธุรกิจ อันจะช่วยส่งผลกระทบให้ผลประกอบการของบริษัทฯ แข็งแกร่งในระยะยาว นอกจากนี้ การเพิ่มทุนในลักษณะแบบ PP จะช่วยลดภาระในการเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท และยังสามารถดําเนินการได้ทันทีภายหลังได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ"