เจ้าพ่อคาราบาวแดง ทุ่มพลังยกระดับโชห่วย ลุยร้าน 'ถูกดีมีมาตรฐาน’ ทางเลือกใหม่

ร้านโชห่วยในเมืองไทยมีกว่า 4 แสนร้านค้า ในจำนวนนี้ “2 แสนร้านค้า” ที่ "เสถียร"  บอกว่า 20 ปี มานี้ได้เข้าไปเยี่ยมเยือนเป็นประจำ! ในฐานะที่ทำเครื่องดื่มคาราบาว ทำให้มีความเข้าใจบรรดาร้านโชห่วยเป็นอย่างดี  ที่แม้จะเปิดอยู่ทั่วทุกพื้นที่เต็มไปหมด แต่กลับมองไม่เห็นอนาคต! และระหว่างทางมีร้านล้มหายตายจาก พอๆ กับการเกิดใหม่ ซึ่งก็ไม่แข็งแรงนัก ท่ามกลางการรุกคืบของร้านค้าปลีกสมัยใหม่ซึ่งเหนือกว่าทุกด้าน เรียกว่า ปล่อยไป (โชห่วย) ก็ตายไปเรื่อยๆ

เป็นที่มาของการตัดสินใจควักงบลงทุนในนามส่วนตัว! ร่วมกับพรรคพวกผู้ถือหุ้นในคาราบาว ที่รู้จักกันดีทั้ง แอ๊ด คาราบาว ใหญ่ 

ณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ สานแรงบันดาลใจสร้างคลื่นแห่งความเปลี่ยนแปลงในธุรกิจค้าปลีกไทย ภายใต้บิ๊กโปรเจค ร้าน “ถูกดี มีมาตรฐาน” ด้วยโมเดล “ร้านค้าของชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน” ซึ่งเป็นการผนึกความร่วมมือ “โชห่วย” ทั่วประเทศ ยกระดับร้านค้าปลีกให้ทันสมัย ร่วมพลิกฟื้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างเป็นรูปธรรม

เสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการบริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีก “ถูกดี มีมาตรฐาน” กล่าวว่า ร้าน ถูกดี มีมาตรฐาน ไม่ใช่แค่แนวคิดธุรกิจที่เป็นเพียงโมเดลอีกต่อไป!

และเวลานี้เครื่องกำลังติด! หลังจากพลิกโฉมติดป้าย “ถูกดี มีมาตรฐาน” ไปกว่า 1,000 สาขา มีร้านโชห่วยสนใจอยู่ในลิสต์เตรียมปรับอีก 1,000 แห่ง  เชื่อว่าอีก 5-6 เดือนที่เหลือของปีนี้แผนดำเนินงานยังคงเป็นไปตามเป้าหมายในการยกระดับโชห่วยให้ได้ 8,000 แห่ง และแจ้งเกิด ถูกดี มีมาตรฐาน ได้ถึง 30,000 แห่งในปี 2565 หรือเฉลี่ยเปิดเดือนละไม่ต่ำกว่า 2,000 สาขา หลังจากเดือน ส.ค.นี้เป็นต้นไป 

ก้าวรุกครั้งนี้ เสถียร เตรียมเม็ดเงินกว่า 75,000 ล้านบาท!! สำหรับการลงทุนสร้างอนาคตใหม่ให้โชห่วยไทยที่ต้องสร้างอีโคซิสเต็มใหม่ทั้งระบบตั้งแต่การลงทุนทางด้านเทคโนโลยี และ “คลังสินค้า” ที่เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการทำให้การจัดจำหน่ายของโชห่วยที่ต้องมีความพร้อมของสินค้าและบริการครบมากขึ้นกว่าเดิมนั้นจะไม่สะดุด 

โดยคลังสินค้าจะใช้งบลงทุนสูงถึง 45,000 ล้านบาท สำหรับแผนการเปิดและกระจาย 15 แห่งทั่วทุกภูมิภาคในปีหน้า จากปีนี้จะมีคลังสินค้า 8 แห่งเน้นการเช่า 

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนร้านโชห่วยแต่ละแห่งใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 1 ล้านบาท สำหรับร้านขนาด 40-60 ตร.ม. หรือ 100 ตร.ม. ในค่าอุปกรณ์ ระบบ และสินค้า โดยที่ "ทีดี ตะวันแดง" เป็นผู้ลงทุนในมาตรฐาน “พื้น ฝ้า ไฟ” ต้องสะอาด สว่างไสว

ส่วนผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านจะลงทุนค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงร้าน รวมทั้งมีค่ามัดจำ ซึ่งเป็นการค้ำประกันให้ปฎิบัติตามสัญญา 2 แสนบาทเมื่อเลิกธุรกิจจะได้รับคืน ขณะที่ผลกำไรแบ่งสัดส่วน 85% เป็นของเจ้าของร้านและ 15% เป็นของ ทีดี ตะวันแดง แน่นอนว่า ต้องยอมรับสภาพขาดทุน!

แต่นี่คือส่วนหนึ่งของธุรกิจในโมเดล “กินแบ่ง” ที่ “เสถียร” พยายามจะสร้างขึ้นไปพร้อมๆ กับการเติบโตของธุรกิจถูกดี มีมาตรฐาน ที่กำลังก่อร่างมีขนาดใหญ่ขึ้น 

“ความใหญ่ของธุรกิจเมื่อก้าวไปที่ระดับ 30,000 หรือ 50,000 ร้านค้า อีกด้าน คือ ความน่ากลัวและคือการกินรวบ ซึ่งเรามีแนวคิดและโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน คือ การกินแบ่ง...แบ่งกับเจ้าของเดิมทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่ยังจะมีการต่อยอด ต่อจิ๊กซอว์ไปอีกมากมายในการสร้างโอกาส หารายได้ร่วมกัน บนพื้นฐานที่วันนี้ต้องทำให้แข็งแกร่งก่อน” 

ธุรกิจ “ถูกดี มีมาตรฐาน” กว่า 1 ปีมีความเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก มีผู้บริหารหนุ่มสาว 200-300 คน ที่ถูกบ่มเพาะไปพร้อมการเติบโต นั่นคือ การทำธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น หากไม่คิดถึงชุมชน หมู่บ้าน ความใหญ่โตจะไปกดทับเขา และไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน การเปิดตัวในวันนี้ ต้องการสื่อสารไปยัง “พันธมิตร” ทั้งหลายไม่ว่าจะคู่ค้า เจ้าของร้าน ให้ร่วมเส้นทางแห่งอนาคตไปกับเรา ด้วยมาตรฐานร้านค้าปลีกชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ!

ด้วยการยกระดับร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมให้ทันสมัยด้วยองค์ความรู้ นอกจากเพิ่มรายได้จากการจำหน่ายสินค้าที่มีการใช้ “บิ๊กดาต้า” ประกอบว่า แต่ละวันของแต่ละร้านควรมียอดขายในระดับ 10,000-15,000 บาท บนฐานกำไร 12% ก่อนหักค่าใช้จ่าย ที่จะทำให้รายได้ในแต่ละเดือนสร้างการอยู่รอดได้ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น! ก่อเกิดพลังความหวงแหนและความเป็นเจ้าของต่อกิจการ เป็นแรงส่งต่อการพัฒนาร้านโชห่วยให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

"ความได้เปรียบสำคัญของร้านถูกดี มีมาตรฐานคือ ความเป็นเจ้าของร้านในพื้นที่ ทำให้เข้าใจ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในพื้นที่เป็นอย่างดี"

นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ร้านถูกดี มีมาตรฐาน มีความแตกต่างจากร้านค้าปลีกอื่นๆ คือการมีการนำสินค้าท้องถิ่นชื่อดัง หรือสินค้าที่มีจุดเด่นน่าสนใจในแต่ละพื้นที่ นำเข้ามาจำหน่ายในร้าน เพื่อเพิ่มจุดขาย และสร้างความแตกต่างจากร้านค้าปลีกอื่นๆ

เครือข่ายสาขา ถูกดี มีมาตรฐานกว่า 30,000 แห่งจะเป็นร้านสะดวกซื้อที่สามารถเข้าถึงชุมชนที่ลึกที่สุด! ในระดับหมู่บ้าน มีฐานข้อมูลใหญ่มหาศาลและลึกที่สุด ก่อนจะต่อยอดไปสู่ การเป็น "ร้าน POS"  ใช้ระบบเครื่องคิดเงินอัตโนมัติ ที่จะมาช่วยยกระดับบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพไปอีกขึ้น และตอบโจทย์ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ได้อย่างครบวงจรมากขึ้น

 "6-7 ปีที่ผ่านมา เราทำ ซีเจ ซูเปอร์มาร์เก็ต มีความเข้าใจร้านค้าปลีกสมัยใหม่ว่าเป็นอย่างไร ผนวกกับปัญหาโชห่วยที่ไม่สามารถแข่งขันได้ เพราะไม่มีทุน ไม่มีความรู้ ขาดเทคโนโลยี สินค้ามีน้อย ไม่ครบวงจร แต่ละร้านอยู่กันอย่างโดดเดี่ยวไม่มีแบรนด์ ซึ่งการบริหารจัดการร้านเวลานี้เปลี่ยนเร็วต้องการข้อมูล เราได้นำองค์ความรู้และจุดแข็งของความเป็นโมเดิร์นเทรดมาช่วยโชห่วยและสร้างถูกดี มีมาตรฐาน"

ขณะที่หากมองในเชิงพฤติกรรมผู้บริโภคจริงๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ยังคงนิยมซื้อสินค้าใกล้บ้าน ยิ่งในสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิดขณะนี้เป็นโอกาสที่ดี! ยิ่งคอนเซปต์เสมือน "โลว์คอสต์คอนวีเนียนสโตร์" น่าจะตรงยุคโควิดนี้เป็นอย่างดี 

เสถียร กล่าวว่า ปีนี้ตั้งขาดทุนไว้เกินกว่า 1,500 ล้านบาท หากมี 20,000 สาขาขึ้นไปก็จะเริ่มเห็นกำไร ปลายปี 2565 และไต่ระดับดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสาขาทะยานไปได้ 50,000 สาขา เป็นกำลังสำคัญของการต่อจิ๊กซอว์ธุรกิจคาราบาวกรุ๊ป ที่มีทั้งเครื่องดื่มคาราบาวแดง วู้ดดี้ซีล็อค และธุรกิจแห่งอนาคตอีกมากมาย 

ชื่อ “ถูกดี มีมาตรฐาน” มั่นใจว่าจะเป็นภาพจำที่ดีต่อการสร้างแบรนด์ เป็นสิ่งสำคัญ!  ต่อการรับรู้ และเข้าใจได้ทันทีว่า ถูกและดี และเติม “มีมาตรฐาน” เข้าไป  เพื่อจะเป็นกรอบและยึดเหนี่ยวของ ทีดี ตะวันแดง และพาร์ทเนอร์ ในข้อตกลงร่วมกัน ถูกและดี “ผมหามาให้ได้” แต่มาตรฐานคือสิ่งที่เราต้องทำร่วมกัน ที่จะต่อยอดไปได้อีกยาวไกลในอนาคต ไม่ว่าจะแพลตฟอร์มออนไลน์ การขยายสู่สินค้าและบริการใหม่ๆ ตามกระแสโลกและเมกะเทรนด์ ณ เวลานั้นๆ