สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์วันที่ 26-30 กรกฎาคม 2564

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์วันที่ 26-30 กรกฎาคม 2564

เงินบาทและหุ้นไทยเผชิญแรงกดดันจากความเสี่ยงของสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 15 เดือนครึ่งที่ 32.99 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงท่ามกลางความกังวลต่อการเร่งตัวขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่สร้างแรงกดดันต่อความสามารถในการรองรับสถานการณ์ของระบบสาธารณสุขไทย นอกจากนี้เงินบาทยังเผชิญแรงขายตามค่าเงินหยวนและบางสกุลเงินในภูมิภาคในช่วงต้นสัปดาห์ด้วยเช่นกัน  อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงอ่อนค่าและฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วน หลังผลการประชุมเฟดที่สะท้อนว่า เฟดน่าจะยังไม่รีบคุมเข้มนโยบายการเงินในอนาคตอันใกล้กดดันเงินดอลลาร์ฯ ให้อ่อนค่าลง

- ในวันศุกร์ (30 ก.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.87 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.91 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 ก.ค.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ส.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.65-33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงินของกนง. (4 ส.ค.) อัตราเงินเฟ้อของไทยเดือนก.ค. รวมถึงสถานการณ์และมาตรการควบคุมโควิด-19 ในประเทศ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชนรายงานโดย ADP ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนก.ค. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ ตลอดจนการรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนก.ค. ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษด้วยเช่นกัน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยร่วงลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,521.92 จุด ลดลง 1.50% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 79,176.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.19% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.40% มาปิดที่ 495.46 จุด  

- หุ้นไทยปรับตัวลง โดยเผชิญแรงขายเพื่อลดสถานะความเสี่ยงของนักลงทุนโดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มธนาคาร การเงินและพลังงาน หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ขณะที่การกระจายวัคซีนยังมีความล่าช้าและสับสน ประกอบกับมีความกังวลต่อการยกระดับความเข้มข้นของมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ดี ผลการประชุมเฟดในระหว่างสัปดาห์ซึ่งมีมติคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป มีส่วนช่วยหนุนตลาดหุ้นภูมิภาครวมถึงประคองหุ้นไทยช่วงสั้นๆ ด้วยเช่นกัน

162764525258

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (2-6 ส.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,500 และ 1,485 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,545 และ 1,555 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (4 ส.ค.) สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/64 ของบจ. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนก.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนก.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน