BEAUTY ไตรมาส 2/64 ขาดทุนลดลง 42.67% เร่งปรับกลยุทธ์ดันธุรกิจฟื้น
"บิ้วตี้ คอมมูนิตี้" ไตรมาส 2/64 ขาดทุน 35 ล้านบาท ลดลง 42.67% หลังเร่งปรับกลยุทธ์ธุรกิจ 3 ด้าน ปรับโครงสร้างบริการจัดการ พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ ขยายช่องทางจัดจำหน่าย หวังโควิดคลี่คลาย ช่วยดันผลประกอบการฟื้น
บริษัท บิ้วตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/64 ขาดทุน 35 ล้านบาท หรือ -0.01 บาทต่อหุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 42.67% ที่ขาดทุน 61 ล้านบาท หรือ -0.02 บาทต่อหุ้น
สำหรับรายได้ในไตรมาส 2/64 บริษัทมีรายได้ 81.74 ล้านบาท ลดลง 36.60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้ มีสัดส่วนรายได้จากร้านค้าปลีก 44.87% ต่างประเทศ 35.89% อีคอมเมิร์ช 9.61% โมเดิร์นเทรด 3.29% เจเนอรัลเทรด 2.03% และอื่นๆ 4.31%
ขณะที่ครึ่งปีแรก 2564 ขาดทุน 50 ล้านบาท หรือ -0.02 บาทต่อหุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 50.20% ที่ขาดทุน 101 ล้านบาท หรือ -0.03 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 219.15 ล้านบาท ลดลง 45.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยรายได้ที่ลดลงหลักๆเป็นผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ที่หลายประเทศเผชิญกับการระบาดในรอบใหม่ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งตลาดในประเทศ จากการระบาดในรอบนี้ที่ค่อนข้างรุนแรงกว่ารอบก่อนๆทำให้รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ใน 13 จังหวัด 25 สาขา
ส่วนตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในตลาดจีน ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมซื้อสินค้าออนไลน์ที่เป็นสินค้าจีนมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาลจีนส่งเสริมให้คนใช้สินค้าแบรนด์จีน และเข้มงวดการนำเข้าสินค้าต่างประเทศเข้ามาขายมากขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวต่างประเทศ ทำให้ความนิยมในสินค้าต่างประเทศลดลง ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทจึงต้องกลับมาทำการตลาดใหม่อีกครั้ง
ขณะที่ครึ่งปีแรก 2564 ขาดทุน 50 ล้านบาท หรือ -0.02 บาทต่อหุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 50.20% ที่ขาดทุน 101 ล้านบาท หรือ -0.03 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 219.15 ล้านบาท ลดลง 45.11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ ใน 3 ด้านหลัก เพื่อรับวิกฤติดังกล่าว คือ ด้านแรก การปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ด้านที่สอง การพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ และด้านที่สาม การขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง โดยมุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีโอกาสขยายตัว สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะการเปิดสาขาร้านค้าปลีก เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าในประเทศ และสามารถสร้างตลาดที่ครอบคลุมในระยะยาว
ทั้งนี้ จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าว ช่วยลดผลกระทบจากสภาวะต่างๆได้ เพื่อรองรับกับสถานการณ์และสภาพตลาดที่เปลี่ยนไป โดยคาดว่าหากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มปรับตัวดีขึ้น โครงสร้างธุรกิจใหม่ของบริษัทจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานทั้งในแง่การจำหน่าย การบริหารจัดการ และลดต้นทุนในการดำเนินงาน ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวกลับมาดีขึ้