สมาร์ทคอนกรีตส่งสินค้าประหยัดพลังงานตกแต่งภูมิทัศน์ขยายฐานลูกค้าใหม่

 สมาร์ทคอนกรีตส่งสินค้าประหยัดพลังงานตกแต่งภูมิทัศน์ขยายฐานลูกค้าใหม่

สมาร์ทคอนกรีต ระบุผลจากมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้ธุรกิจไตรมาสสามทรงตัว เร่งพัฒนาออกสินค้าผนังมวลเบา ประหยัดพลังงาน ตกแต่งภูมิทัศน์ เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจช่วงไตรมาส 3 มีแนวโน้มทรงตัว จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด 19 หลังจากมีการปิดแคมป์ก่อสร้าง หยุดทำงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล พื้นที่ใน 4 จังหวัดภาคใต้เป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ส่งผลกระทบกับบริษัทในระยะสั้น จากการชะลอการก่อสร้าง ภาครัฐ-เอกชนบางโครงการ

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงมีคำสั่งซื้อจากกลุ่มผู้รับเหมา ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง งานก่อสร้างโครงการ เมกะโปรเจ็คในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกและภูมิภาคอื่นๆ ที่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามปกติอย่างต่อเนื่อง

"บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจ ด้วยการออกสินค้าอิฐมวลเบาประหยัดพลังงานขนาดใหม่เพื่องานโครงสร้าง ช่วยแก้ปัญหาการก่อสร้าง ลดต้นทุน ทำให้งานเสร็จรวดเร็ว รวมทั้งอิฐมวลเบาสำหรับงานตกแต่งภูมิทัศน์ ช่วยปรับพื้นที่สวน และบริเวณภายนอกบ้าน และสินค้าอิฐมวลเบาตกแต่งเพิ่ม เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มสถาปนิก ผู้รับเหมารายย่อย เจ้าของบ้าน ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ผลักดันยอดขายให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้"

สำหรับผลประกอบการครึ่งแรกปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 235.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 212.56 ล้านบาท จำนวน 22.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10.61% และมีกำไรสุทธิ 23.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20.97 ล้านบาท จำนวน 2.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.72 %ขณะที่ ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 บริษัทมีรายได้รวม 111.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 94.64 ล้านบาท จำนวน 16.57 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17.50% และมีกำไรสุทธิ 9.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.45 ล้านบาท จำนวน 0.65 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.75 %

"ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาตกแต่ง ในช่วงไตรมาส 2/64 มีปริมาณการผลิตและยอดขายสูงสุด ทำนิวไฮเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งปริมาณคำสั่งซื้ออิฐมวลเบาเพิ่มขึ้น มีการเรียกเข้าสินค้าจากงานโครงการเดิมที่ชะลอไปและงานโครงการใหม่ ปัจจัยสนับสนุนจากนโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ นโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกอีอีซี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ"