Sideways Up (18 ส.ค. 64)

คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยวันนี้

คาดดัชนีฯ Sideways Up แนวรับ 1530 / 1515 จุด แนวต้าน 1550 / 1560 จุด แนะนำ เก็งกำไร MEGA MINT GULF ทางเทคนิคดัชนีฯ จะเกิดสัญญาณซื้อเพิ่ม หากดัชนีฯ สามารถทะลุ 1550-1560 จุด เพื่อทำรูปแบบขาขึ้น Triple Bottom ไปทดสอบ 1580 / 1592 จุด ตามลำดับ

ไฮไลท์วันนี้ อยู่ที่ 1. รายงาน US FOMC Minute คืนนี้ (เราคาดว่าเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยจากแนวโน้มเฟดไม่ส่งสัญญาณเร่งคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งสอดคล้องกับผลสารวจ ผจก.กองทุนโลกเดือน ส.ค. ของ Bank of America ที่พบว่า 84% ของผลสารวจคาดว่าเฟดจะเลื่อนการส่งสัญญาณ QE Tapering ออกไปเป็นสิ้นปีนี้) 2. ปัญหาอัฟกานิสถานถูกครอบครองโดยกลุ่มตาลีบัน อาจกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองต่อประธานาธิบดีไบเดน และกลายเป็น Geopolitical Risk ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รอบใหม่ หลังจีนส่งสัญญาณให้ความช่วยเหลือกลุ่มตาลีบัน 3. รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ค. UK / EU คืนนี้ คาดเร่งขึ้น YoY แต่คาดว่า ECB / BOE จะไม่เร่งยกเลิกมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อพยุงเศรษฐกิจ

ประเด็นอื่นๆ ที่ต้องติดตาม

      - จับตา FOMC Minute วันนี้ เพื่อลุ้นโอกาสทำ QE Tapering ของเฟด (หากไม่เร่งนโยบายคุมเข้มการเงิน คาดส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเอเชีย)

      - สมัชชาแห่งชาติจีนประชุมต่อเนื่องเป็นวันที่สอง (จนถึงวันศุกร์) พิจารณาข้อเสนอออกกฎหมายความมั่นคง

      - Opportunity Day วันนี้ ได้แก่ SABINA ARROW KTC BGC ERW RS PSL CRDMINT

Global Market Summary: วันทำการที่ผ่านมา

+ ตลาดหุ้นไทยปิดบวกต่อเนื่อง: ตลาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวในกรอบขาขึ้น 1533.32 -1545.95 จุด ก่อนมาปิดตลาดที่ 1544.22 จุด +12.98 จุด วอลุ่มซื้อขาย 8.31 หมื่นล้านบาท นำขึ้นโดยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร +1.8% พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ +1.68% ขนส่งและโลจิสติกส์ +1.46% สื่อและสิ่งพิมพ์ +1.13% หุ้นปรับขึ้น >4% ได้แก่ KCE INTUCH MEGA RBF CHG AWC EFORL AMC XPG IRCP SDC WIN ARIP SCI AIT JTS WINNER FORTH CEN SHR GBX ERW หุ้นปรับลง >4% ได้ แก่ BFIT KWG BIZ THMUI TSI AS DEMCO FNS TKT SIAM ASIAN SOLAR HTECH NCL PJW

+/- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ ยุโรปปิดคละ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดลบสูงสุดรอบเดือน DJIA -0.79% (-282.12 จุด) S&P500 -0.71% NASDAQ -0.93% เนื่องจากยอดค้าปลีกเดือน ก.ค. ลดลงมากกว่าคาด และการร่วงลงของหุ้น Home Depot หลังรายงาน Same Store Sale Growth ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Health Care เป็นกลุ่มที่ยืนบวกได้อย่างแข็งแกร่ง ตลาดหุ้นยุโรปปิดคละ CAC40 -0.28% DAX -0.02% แต่ FTSE +0.38% นำลงจากหุ้นกลุ่ม Cyclical ในตลาดหุ้นฝรั่งเศสและเยอรมนี ส่วนหุ้นอังกฤษปิดบวก จากการดีดตัวของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังกำไรดีกว่าคาด

- ราคาน้ำมันและทองคำปิดลบ: ราคาน้ำมันดิบ WTI-70เซนต์ ปิดที่ USD66.59/บาร์เรล Brent -48เซนต์ ปิดที่ USD69.03/บาร์เรล กังวลอุปสงค์ที่อ่อนแอในเอเชียแปซิฟิกท่ามกลางการแพร่ระบาดหนักหน่วงขึ้นของ COVID-19 ส่วนราคาทองคำ -USD2 ปิดที่ USD1,787.80/ออนซ์ จากการขายทำกำไร หลังราคาหลังขยับขึ้นต่อเนื่องมาหลายวัน

ประเด็นสำคัญ

+ QE Tapering: ผลสำรวจผจก. กองทุนโลกเดือน ส.ค. ของ Bank of America พบว่า 84% คาดว่าเฟดจะเลื่อนการส่งสัญญาณ QE Tapering ออกไปเป็นสิ้นปีนี้ รองลงมา คือ 33% (จากเดิม 31%) คาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเฟดในเดือน ก.ย. 2021; 28% (จากเดิม 39%) คาดว่าจะเกิดขึ้นในการสัมมนาประจำปีของเฟดที่เมือง Jackson Hole ในวันที่ 26-28 ส.ค.

+ ออสเตรเลีย: ธนาคารกลาง เผยผลกระทบของ COVID-19 ทำให้มีการเสนอชะลอแผนลดวงเงิน QE ต่อสัปดาห์ จากUSD5bn เหลือ USD4bn ที่จะเริ่มในเดือน ก.ย.

+ USA: Nomura คาดว่า FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกใน 2Q23 และจะขึ้นดอกเบี้ยทุก 6 เดือน จนกว่าดอกเบี้ย ณ ปลายทาง (terminal rate) ขึ้นไปอยู่ที่ 2.00-2.25% ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ทั้งนี้ คาดว่า FED น่าจะเพิ่มการสื่อสารในเรื่องการลดระดับการซื้อสินทรัพย์ (QE tapering) เพื่อให้ตลาดรับรู้ถ้วนหน้า ก่อนที่จะประกาศการลด QE ในการประชุมวันที่ 14-15 ธ.ค.

- อัฟกานิสถาน: ผลกระทบจากกลุ่มตาลีบันบุกยึกครองกรุงคาบูลเมื่อวันอาทิตย์ อาจกลายเป็นหนึ่งในอุปสรรคสาคัญต่อการผ่านร่างกฎหมายกระต้นุ เศรษฐกิจ
ขนาดใหญ่ของประธานาธิบดีไบเดน ในฐานะที่เป็นคนสั่งถอนทหารสหรัฐฯ ออกมาจากอัฟกานิสถานเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา

- FTSE Rebalance Index: ประกาศทบทวนรายไตรมาสในวันที่ 20 ส.ค. และมีผลต่อราคาปิดวันที่ 17 ก.ย. โดยคาดว่า KBANK-F และ BBL-F จะถูกคัดออกจากการคำนวณ คิดเป็นเม็ดเงินราว -USD125.5mn และ -USD61.6mn

+ วัคซีน: ครม. อนุมัติซื้อวัคซีนไฟเซอร์เพิ่มอีก 10 ล้านโดส จากเดิม 20 ล้านโดส ส่งมอบพร้อมกันใน 4Q21

แนะนำ Trading Buy (โดยมีจุดขายตัดขาดทุน 3%)

หุ้นแนะนำรายสัปดาห์: WICE RCL SFLEX

หุ้นแนะนำเก็งกำไร: MEGA MINT GULF

Derivatives: แนะ Wait&see หลังปิด Long ทำกำไรไปแล้ว (ติดตามรายละเอียดเพิ่มใน KTZ-D Report)