แสนสิริคาดหลังเปิดประเทศดันยอดขาย – ยอดโอนต่างชาติพุ่ง
แสนสิริ เผยกลุ่มลูกค้าจีนซื้อและโอนโครงการสูงสุดถึง50% จากยอดขายรวมลูกค้าต่างชาติเน้นซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าทั้งในกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยวขณะที่ลูกค้าตะวันตกเน้นบ้านพักตากอากาศ คาดกวาดยอดโอนต่างชาติ10,000 ล้านบาทใน 2 ปี
นางไปรยา บุนนาค ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจตลาดต่างประเทศ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้บุกเบิกการขายอสังหาฯ ในต่างประเทศมานานกว่า 8 ปี ส่งผลให้ได้รับความเชื่อมั่นและยอดโอนกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยโครงการคอนโดที่มียอดโอนจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติสูงสุด ได้แก่ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 มียอดโอนจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 1,600 ล้านบาท โครงการโอกะ เฮาส์ มียอดโอนกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 1,200 ล้านบาท โครงการ XT เอกมัย มียอดโอนต่างชาติ 1,100 ล้านบาท และ XT ห้วยขวาง ที่มียอดโอนจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติล่าสุด พุ่งไปถึง 60% จากจำนวนยูนิตที่ขายแล้ว หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 1,700 ล้านบาทและคาดว่าจะมียอดขายและยอดโอนเพิ่มมากขึ้นอีกในโครงการนี้ ภายหลังจากการเปิดประเทศ จากการเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลที่กลุ่มลูกค้าชาวจีนมีความคุ้นเคยดีอยู่แล้วและให้ความสนใจ
“ชาวจีนเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อและโอนโครงการของแสนสิริสูงสุดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็น 50% จากยอดขายรวมกลุ่มลูกค้าต่างชาติ รองลงมา คือ กลุ่มลูกค้าชาวฮ่องกง คิดเป็น 30% และลูกค้าชาวไต้หวันและชาติตะวันตก เช่น สหราชอาณาจักร, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อเมริกา ฯลฯ อีกประมาณ 20% โดยเหตุผลหลักในการซื้อของลูกค้าชาวจีนและฮ่องกง คือ เพื่อการลงทุน โดยให้ความสนใจโครงการในกรุงเทพฯ ในทำเลศักยภาพที่ต่างชาติให้ความเชื่อมั่นในการปล่อยเช่าได้จริง รวมทั้งโครงการในเมืองท่องเที่ยวในไทยที่ให้ผลตอบแทนจากอัตราค่าเช่าในระดับที่น่าพอใจ ขณะที่ลูกค้าตะวันตกจะมองโครงการที่เป็นได้ทั้งเป็นบ้านพักตากอากาศและสามารถปล่อยเช่าได้ผลตอบแทนสูงได้ในช่วงที่ไม่ได้มาพักอาศัย”
นางไปรยา กล่าวว่า ยอดขายจากตลาดต่างชาติในปีนี้ อาทิ โครงการ เดอะ มูฟ ราม 22 สามารถทำยอดขายรอบ VIP ที่ฮ่องกงและไต้หวัน ลูกค้าให้การตอบรับจำนวนมากจากการเป็นโครงการภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ ทั้งจาก โลเคชั่นเด่นใจกลางย่านคอมมูนิตี้เมือง ใกล้มหาวิทยาลัยและแหล่งงาน, โปรดักส์ที่ใช่ เป็นทั้งห้องพร้อมอยู่และมีสิ่งอำนวยความสะดวก ที่ตอบโจทย์ ในราคาที่เข้าถึงง่ายเริ่มเพียง 1 ล้านต้นๆ ส่งผลให้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจ จากการเป็นโครงการที่สามารถซื้อลงทุนปล่อยเช่าได้ง่าย
เช่นเดียวกับโครงการเดอะ เบส การ์เดน – พระราม 9 ในทำเลเดียวกันที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติและมียอดขายเกือบเต็มโควตาซื้อต่างชาติ นอกจากนี้ แสนสิริยังมีแผนต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ เดอะ มูฟ ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเล็งนำโครงการ เดอะ มูฟ บางนา ไปโรดโชว์ที่ฮ่องกง ไต้หวัน และจีน เป็นโครงการต่อไปอีกด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากทำเลที่ตั้งโครงการใกล้กับโรงเรียนนานาชาติ แหล่งงาน และสนามบินสุวรรณภูมิ เช่นเดียวกับโครงการ เดอะ เบส สะพานใหม่ และ โอกะ เฮาส์ ที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติมองว่ามีทำเลที่ดีและปล่อยเช่าได้จริง ส่งผลให้มีกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจจำนวนมาก
นอกจากดีมานด์ในกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ต้องการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ในทำเลศักยภาพที่เชื่อมั่นในการปล่อยเช่าได้จริงแล้ว กลุ่มลูกค้าต่างชาติยังต้องการคอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยวทั้งในเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา และหัวหิน ที่เป็นได้ทั้งเป็นบ้านพักตากอากาศและสามารถปล่อยเช่าได้ผลตอบแทนสูงได้ในช่วงที่ไม่ได้มาพักอาศัย เห็นได้จากความสำเร็จในยอดขายตลาดต่างชาติของคอนโดมิเนียม เอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา จำนวน 603 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการนี้มียอดขายแล้วเกือบ 70% โดยเป็นยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติถึงเกือบ 40% และคาดว่าจะปิดการขายเต็ม Foreign Quota จากการที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติชื่นชอบในทำเลพัทยาและให้ความสนใจในเดอะ เบส เซ็นทรัล – พัทยา ที่ปิดการขายไปก่อนหน้าเป็นจำนวนมาก ขณะที่ ลา ฮาบานา หัวหิน อีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวก็มียอดขายต่างชาติต่อเนื่องทั้งในกลุ่มลูกค้าจีนและกลุ่มลูกค้าชาติตะวันตกที่ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก รวมถึงดีมานต์จากกลุ่มลูกค้าต่างชาติในเชียงใหม่ ที่แสนสิริเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ที่เชียงใหม่ในปีหน้า รองรับดีมานด์ของกลุ่มลูกค้าต่างชาติอีกด้วย
ปัจจัยสำคัญที่ลูกค้าต่างชาติมอบความเชื่อมั่นซื้อลงทุนในโครงการของคอนโดมิเนียมของแสนสิริ คือ 1.ชื่อเสียงของแบรนด์แสนสิริที่เป็นที่ยอมรับมานานกว่า 37 ปีทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ 2.คุณภาพโครงการมาตรฐานสากลรวมทั้งการนำเสนอโครงการคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าต่างชาติได้อย่างตรงจุดทั้งในการแง่การอยู่อาศัยและการลงทุน 3. โครงการอยู่ในทำเลศักยภาพที่ต่างชาติเชื่อมั่นด้านการปล่อยเช่าได้จริง และ 4.บริการครอบคลุมครบวงจรด้วยบริการหลังการขายแบบ Worry Free ที่ดูแลลูกค้าตั้งแต่ซื้อ โอน ปล่อยเช่า ขายต่อ ด้วยทีมขายและ Agents ศักยภาพ ผ่านการขายรูปแบบใหม่ทั้งทาง Virtual และ Live Streaming ทั้งนี้ บริษัทยังชูกลยุทธ์หลักเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าต่างชาติโดยการเปิดสำนักงานขาย (Sales Gallery) ล่าสุดที่ประเทศจีนอีกด้วย
“เชื่อว่า ภายหลังวัคซีนทั่วถึงและมีการเปิดประเทศ ภาคเอกชนในธุรกิจต่างๆ จะเร่งพลิกฟื้นธุรกิจภายหลังจากที่ประเทศต้องฝ่าวิกฤตโควิด–19 มามากกว่า 1 ปี ขณะที่ศักยภาพเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป จะพร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากชาวไทยและต่างชาติ ให้กลับมาคึกคักและสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งอีกครั้ง ทั้งนี้จากแบรนด์ที่แข็งแกร่งของแสนสิริและความเชื่อมั่นจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ แสนสิริได้วางเป้าหมายยอดโอนตลาดต่างชาติในช่วง 2 ปีไว้ที่ 10,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดโอนที่ทำได้ในปีที่ผ่านมาแล้ว 5,000 ล้านบาท และเป้าโอนต่างชาติในปีนี้อีก 5,000 ล้านบาท โดยล่าสุด แสนสิริสามารถสร้างยอดโอนตลาดต่างชาติได้เกือบ 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% จากเป้าหมายยอดโอนต่างชาติในปีนี้ที่วางไว้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะทำได้ตามเป้าที่วางไว้จากความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ ตอกย้ำเบอร์หนึ่งแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ไทยในใจต่างชาติ” นางไปรยา กล่าว