อานิสงส์ต้นทุนค่าก่อสร้างขยับ ลูกค้าเร่งปลูกบ้านหวั่นราคาพุ่ง

อานิสงส์ต้นทุนค่าก่อสร้างขยับ ลูกค้าเร่งปลูกบ้านหวั่นราคาพุ่ง

แลนดี้ โฮม เผยหลังค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้างขยับขึ้นต่อเนื่อง ลูกค้าไฮเอนด์รีบตัดสินใจสร้างบ้านหวั่นราคาค่าก่อสร้างพุ่งส่งผลให้ยอดขาย8เดือนทะลุ 1,600 ล้านสวนกระแสตลาดชะลอตัว

นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า แม้การล็อกดาวน์ประเทศเพื่อยับยั้งการระบาดโควิด-19 ครั้งนี้จะส่งผลกระทบให้ธุรกิจอสังหาฯชะลอตัว แต่บริษัทยังคงเติบโตสวนกระแสตลาดสะท้อนได้จากยอดขาย 8 เดือน ตั้งแต่เดือนม.ค. - ส.ค.ที่ผ่านมาสามารถทำดยอดขายมูลค่ารวม 1,600 ล้านบาท โดยแบ่งสัดส่วนตามมูลค่าการปลูกสร้าง ดังนี้ บ้านหรูขนาดใหญ่แบรนด์ "แลนดี้ แกรนด์" ระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป มีสัดส่วน 32%, บ้านขนาดกลาง แลนดี้ โฮม ราคา 5 - 10 ล้านบาท มีสัดส่วน 32% และราคา 10-15 ล้านบาท สัดส่วน 23% ส่วนบ้านหลังเล็กแบรนด์ เทรนดี้ โฮม ราคา 2 - 5 ล้านบาทมี สัดส่วน 13%

"เราพบว่าลูกค้าที่มีงบประมาณปลูกสร้างตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีความต้องการปลูกสร้างบ้านสูงสุดซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านที่พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีความพร้อมในการตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน แลนดี้ โฮม จึงมองเห็นโอกาสในการทำตลาดรับสร้างบ้านหรูขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์แลนดี้ แกรนด์ "

นางสาวพรรัตน์ กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทฯ ในกลุ่มบ้านหรูแบรนด์แลนดี้ แกรนด์ โตเกินเป้า เป็นผลมาจาก การเปิดสาขาใหม่ในโซนราชพฤกษ์ที่เน้นเจาะกลุ่มตลาดไฮเอนด์ย่านฝั่งธนฯ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าตลาดไฮเอนด์เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นกลุ่มนิชมาร์เก็ตที่มีกำลังซื้อและความต้องการบ้านหรูในราคาที่คุ้มค่า และเป็นลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางการเงินจากสถานการณ์โควิดน้อยกว่ากลุ่มอื่น ประกอบกับการขึ้นราคาของวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะราคาเหล็กที่ปรับขึ้นแรงในช่วงต้นปี รวมถึงค่าแรงช่างที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ลูกค้าเร่งตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน


" ลูกค้ามองว่าในอนาคตราคาบ้านจะมีการขึ้นราคาตามวัสดุและค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนตัวส่งผลให้ลูกค้าหันมาปลูกสร้างบ้าน เพื่อเป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และที่ดิน เพราะเป็นการลงทุนที่มีแต่มูลค่าเพิ่มขึ้น "

ขณะเดียวกัน จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปมีการทำงานที่บ้านมากขึ้นในช่วงโควิดทำให้ลูกค้าเห็นถึงความสำคัญของพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านและเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพการอยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีใหม่ รวมถึงลูกค้าหลายรายมองว่าช่วงนี้สามารถบริหารจัดการเวลาในการปรึกษากับทีมสถาปนิกและมีเวลาในการเข้ามาตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้างได้มากขึ้น นับเป็นช่วงเวลาที่ดีในการตัดสินใจปลูกสร้างบ้าน

นางสาวพรรัตน์ ระบุว่า แนวโน้มสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีหลัง หากสถานการณ์โควิดมีทิศทางที่ดีขึ้น หลังรัฐคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้กิจการต่างๆ กลับมามีรายได้ ซึ่งลูกค้ากลุ่มเจ้าของธุรกิจที่มีแผนจะปลูกสร้างบ้านจะกล้าตัดสินใจเนื่องจากมีความเชื่อมั่นในสถานการณ์และสามารถวางแผนในอนาคตได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คาดว่า จะสามารถทำยอดขายปีนี้ ที่วางไว้ 2,400 ล้านบาทได้ตามเป้าหมาย ล่าสุดบริษัทได้จัดโปรโมชั่นฉลองครบรอบ 33 ปี แลนดี้ โฮม ระหว่างวันที่ 16-26 ก.ย.นี้ แลนดี้ โฮม ทุกสาขา เพือกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมาย