โรงแรมโคม่า! ปรับแผนยื้อธุรกิจ 9%จ่อปิดกิจการถาวร
จากผลการสำรวจ “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม” ประจำเดือน ส.ค.2564 จัดทำโดยสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้ว่าผู้ประกอบการที่พักแรมยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง
สะท้อนจากอัตราการเข้าพักยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีแนวโน้มแย่ลง ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีสภาพคล่องลดลงมาก ส่งผลให้มากกว่าครึ่งหนึ่งอาจพิจารณาปิดกิจการชั่วคราวเพื่อลดต้นทุน หากสถานการณ์โควิด-19 ยืดเยื้อกว่าที่คาด!
มาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า “สถานะกิจการ” ของโรงแรมที่ตอบแบบสำรวจจำนวน 215 แห่ง (ไม่รวมโรงแรมที่เป็น ASQ และฮอสพิเทล) เปิดกิจการปกติ 48.4% เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.ที่เปิดกิจการ 40.1% โดยโรงแรมในภูเก็ตมีการเปิดรับนักท่องเที่ยว ด้านโรงแรมในกรุงเทพฯเปิดรับลูกค้าพักระยะยาว, เปิดกิจการบางส่วนตั้งแต่ 50% ขึ้นไปมีสัดส่วน 9.8% ลดลงจากเดือน ก.ค.ซึ่งอยู่ที่ 11%, เปิดกิจการบางส่วนแต่ไม่เกิน 50% มีสัดส่วน 25.1% ลดลงจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 27.2% และปิดกิจการชั่วคราว 16.7% ลดลงจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 21.7% โดยส่วนใหญ่คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการอีกครั้งในไตรมาส 4 นี้
ทั้งนี้ยังพบว่าส่วนใหญ่ 58% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด มีรายได้ในเดือน ส.ค.กลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี 2562 ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ด้านโรงแรมที่มีรายได้กลับมา 11-30% มีสัดส่วน 17%, รายได้กลับมา 31-50% มีสัดส่วน 6%, รายได้กลับมา 51-70% มีสัดส่วน 7% และรายได้กลับมามากกว่า 70% มีสัดส่วน 12%
“70% ของกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด มีสภาพคล่องในเดือน ส.ค.ลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และ 65% มีสภาพคล่องเพียงพอสำหรับดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน โดยครึ่งหนึ่งมีสภาพคล่องเพียงพอไม่ถึง 1 เดือน กระจายอยู่ทุกภูมิภาค”
ด้าน “อัตราการเข้าพัก” ของเดือน ส.ค.เฉลี่ยอยู่ที่ 10.6% ทรงตัวจากเดือน ก.ค. โดยหากไม่รวมกลุ่มโรงแรมที่รับลูกค้าตามโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” และลูกค้าที่เข้าพักระยะยาวเป็นหลัก อัตราเข้าพักเฉลี่ยจะอยู่ที่ 7.5% เท่านั้น และเมื่อแยกเป็นรายภูมิภาค อัตราเข้าพักของภาคเหนืออยู่ที่ 7.5% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งมี 5.1%, ภาคอีสานมี 15.3% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งมี 14.7%, ภาคตะวันออกมี 9% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งมี 6%, ภาคกลางมี 13.8% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งมี 12.1% และภาคใต้มี 9.9% ลดลงจากเดือนก่อนซึ่งมี 10.1% ทั้งนี้ยังคาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเดือน ก.ย.นี้จะลดลงอยู่ที่ 9%
มาริสา กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วน “อัตราจ้างงาน” ของผู้ประกอบการโรงแรมเฉลี่ยอยู่ที่ 54% ของช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 หากไม่รวมกลุ่มที่ปิดกิจการชั่วคราวจะเฉลี่ยอยู่ที่ 56% โดยเดือน ส.ค. ภาคเหนือมีอัตราจ้างงาน 59.4% เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.ที่มีการจ้างงาน 56%, ภาคอีสานมีอัตราจ้างงาน 62.6% ลดลงจากเดือนก่อนที่มี 70.6%, ภาคกลางมีอัตราจ้างงาน 55% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่มี 52.8% และภาคใต้มีอัตราจ้างงาน 48.4% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่มี 43.8%
สำหรับสัดส่วน “แรงงานที่ได้รับวัคซีนแล้ว” ในเดือน ส.ค.เฉลี่ยอยู่ที่ 74% เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค.ที่มีแรงงานท่องเที่ยวฉีดวัคซีนจำนวน 57% และเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค โดยภาคใต้มีแรงงานท่องเที่ยวฉีดวัคซีนสูงสุด 89.4% รองลงมาคือภาคกลาง 70.7% ตามมาด้วยภาคอีสาน 65.7% และภาคเหนือ 54.3%
“นอกจากนี้ยังได้สำรวจแนวทางการปรับตัวของกลุ่มตัวอย่าง ในกรณีที่สถานการณ์โควิด-19 ยืดเยื้อกว่าที่คาด พบว่า 52% เลือกปิดกิจการชั่วคราว ขณะที่ 9% อาจตัดสินใจปิดกิจการถาวร ส่วน 30% จะชะลอการลงทุนออกไปก่อน และ 9% ปรับตัวไปทำธุรกิจอื่น”
ขณะเดียวกันแบบสำรวจนี้ยังได้สอบถามถึง “การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ” ด้วย พบว่า 72% เห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และ 45% คาดว่าแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจะล่าช้าออกไป!
โดยผลต่ออัตราการเข้าพักของโรงแรมที่เปิดรับนักท่องเที่ยวตามโครงการ “แซนด์บ็อกซ์” นำร่องพื้นที่ภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) เริ่มเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ชี้ว่า 38% ของโรงแรมในภูเก็ตมองว่าแย่กว่าที่คาด! ส่วน 35% มองว่าเป็นไปตามคาด โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทรงตัวที่ 15% ขณะที่ 52% ของโรงแรมในสุราษฎร์ธานีมองว่าแย่กว่าที่คาด โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ในระดับต่ำมากที่ 4%
นายกทีเอชเอ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ยังได้สำรวจโรงแรม ASQ จำนวน 14 แห่ง พบว่ามีการฟื้นตัวของรายได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่เป็น ASQ โดย 27% มีรายได้กลับมาเกินครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนมิติการจ้างงาน ใกล้เคียงโรงแรมทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ 51% อัตราการเข้าพักลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน และสูงกว่ากลุ่มที่ไม่เป็น ASQ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 22% และ 15% ในเดือน ส.ค.และ ก.ย.ตามลำดับ
ด้านผลสำรวจฮอสพิเทล จำนวน 5 แห่ง พบว่าการฟื้นตัวของรายได้ไม่ต่างจากโรงแรมทั่วไป โดย 60% รายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% ขณะที่อัตราการจ้างงานสูงกว่าระบบเล็กน้อยเฉลี่ยที่ 62% อัตราการเข้าพักลดลงมากจากเดือนก่อน แต่ยังสูงกว่ากลุ่มอื่น โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของเดือน ส.ค.อยู่ที่ 23% ส่วนเดือน ก.ย.นี้จะอยู่ที่ 25%