อสังหาฯครึ่งปีแรกซัพพลายหด ระบุเหตุเปิดตัวโครงการลดลง 32%

อสังหาฯครึ่งปีแรกซัพพลายหด ระบุเหตุเปิดตัวโครงการลดลง 32%

ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยผลสำรวจภาพรวมตลาดอสังหาฯชะลอตัว ซัพพลายใหม่จำนวนยูนิตลดลง 32% และมูลค่าลดลง37.3 % ระบุครึ่งปีแรกซัพพลายเหลือขาย 2.8แสนยูนิตลดลง4.1% ส่วนมูลค่า1.2ล้านบาทลดลง 4.9% สะท้อนตลาดปรับสมดุลของดีมานด์และซัพพลายต่อเนื่อง

นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์  กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปี2564 จนถึงปัจจุบันประเทศไทยยังประสบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ค่อนข้างรุนแรงและยังไม่มีความชัดเจนว่าจะยุติลงเมื่อไร และจากการสำรวจภาคสนามของตลาดที่อยู่อาศัยใน 27 จังหวัดสำคัญ พบว่า อุปทานที่อยู่อาศัยเข้าใหม่ที่เข้าสู่ตลาดใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี2564 มีจำนวนหน่วยเพียง 29,775 หน่วย ลดลง32%  คิดเป็นมูลค่า 118,667 ล้านบาท ลดลง
37.3 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 


     อุปทานที่อยู่อาศัยเข้าใหม่ในกลุ่มของโครงการอาคารชุดชะลอตัวลงมากกว่าโครงการบ้านจัดสรร โดยประเภทโครงการอาคารชุดเข้าใหม่ในพื้นที่ 27 จังหวัด มีจำนวนประมาณ 8,769 ยูนิต รวมมูลค่า 28,918 ล้านบาท ลดลง 46% และ 53.3% ตามลำดับ ในขณะที่ประเภทโครงการบ้านจัดสรรเข้าใหม่มีจำนวนยูนิต21,006 ยูนิตมูลค่ารวม 89,749 ล้านบาท ลดลง23.9 % และ29.6 %ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563


    ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของอุปทานที่อยู่อาศัยเข้าใหม่ส่งผลต่อภาพรวมของอุปทานที่อยู่อาศัยทั้งหมดที่มีการขายในตลาดพื้นที่ 27 จังหวัด ช่วงครึ่งแรก ปี 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 328,657 ยูนิต มูลค่ารวม 1,446,276 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง5.7% มูลค่าลดลง6.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์การปรับตัวของผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ไม่เพิ่มเติมสินค้าใหม่เข้ามาในตลาดมากนัก แต่จะเน้นการระบายสินค้าเดิมที่มีอยู่ออกไป เพื่อสร้างสภาพคล่องในการบริหารจัดการ 

ในภาวะที่ยังมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้กำลังซื้อของผู้ที่ต้องการจะซื้อที่อยู่อาศัย และความสนใจในการซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง หรือเพื่อการลงทุนมีการชะลอตัวลงจนเห็นได้อย่างชัดเจน   จากยอดขายที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ในภาพรวมพบว่าช่วงครึ่งแรกปี 2564 มีจำนวนที่อยู่อาศัยขายได้ใหม่ประมาณ 45,895 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 195,803 ล้านบาท หรือ ลดลง14.3 %และ 14.7 %ตามลำดับ ซึ่งพบว่าเป็นโครงการบ้านจัดสรรขายได้ใหม่ 27,489 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 124,219 ล้านบาท ลดลง22.6% และ20.7% ตามลำดับ  ขณะที่โครงการอาคารชุดขายได้ใหม่ 18,406 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 71,583 ล้านบาทในส่วนของจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้น1.8% ในขณะที่มูลค่าลดลง1.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563


     สำหรับการที่อาคารชุดขายได้ใหม่มีจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เพราะในปี 2563 มีฐานที่ต่ำมาก นอกจากนี้ยังพบว่าอัตราดูดซับในภาพรวมลดลงต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำอยู่แล้ว แม้ยอดขายใหม่จะขายได้น้อยลง แต่ผลจากการที่อุปทานเข้าใหม่ในตลาดน้อยลงด้วย ส่งผลให้จำนวนหน่วยเหลือขายลดลงตามไปด้วย 


    โดยครึ่งแรกปี 2564 มีที่อยู่อาศัยเหลือขายจำนวน 282,762 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,250,473 ล้านบาท ลดลง 4.1%และ4.9% ซึ่งเป็นการลดแรงกดดันของหน่วยเหลือขายในตลาดลดความรุนแรงลงสะท้อนว่าตลาดมีการปรับสมดุลของอุปสงค์และอุปทานอย่างต่อเนื่อง