พาณิชย์ปลึ้มจับคู่กู้เงินช่วยร้านอาหาร-ส่งออก กว่า 3 พันรายจากโควิด
จุรินทร์”เผยผลดำเนินการโครงการจับคู่กู้เงิน เสริมสภาพคล่องการเงิน “ ร้านอาหาร- SMEs ส่งออก” รวมวงเงินสินเชื่อ3,610 ล้านบาท จำนวน 3,055 ราย พร้อมต่ออายุจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก เฟส 2อีก 60วัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลสัมฤทธิ์โครงการจับคู่กู้เงินสถานบันการเงินกับร้านอาหาร และจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ว่า โครงการ “จับคู่กู้เงิน” มีด้วยกัน 2 ส่วน คือ โครงการที่ 1 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับร้านอาหารและ โครงการที่ 2 จับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก
โดยโครงการจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับร้านอาหาร เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.- 7 ก.ย. 2564 โดยมี 5 สถาบันการเงินเข้าร่วมโครงการประกอบด้วยธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. ธนาคารกรุงไทย SME D Bank และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ได้มีการอนุมัติเงินกู้เพื่อต่อลมหายใจให้กับธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งในช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้นกำลังประสบปัญหาเพราะสถานการณ์โควิด และต้องการเข้าถึงแหล่งเงินเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน โดยผลการดำเนินการมาจนถึงปิดโครงการเฟสแรกได้มีการอนุมัติวงเงินไปทั้งสิ้น 2,600 ล้านบาท อนุมัติสินเชื่อเงื่อนไขผ่อนปรนพิเศษจำนวน 2,865 ราย และยังรออนุมัติอีกจำนวนหนึ่งคาดว่าจะอยู่ในวงเงินอีกประมาณ 220 ล้านบาท
ส่วนโครงการจับคู่กู้เงิน สถาบันการเงินกับ SMEsส่งออก ดำเนินตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.- 7 ก.ย. 2564 โดยความร่วมมือระหว่าง EXIM Bank กับ บสย. ซึ่งได้มีการอนุมัติวงเงินสินเชื่อไปแล้ว 1,010 ล้านบาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 190 ราย
“รวมทั้ง 2 โครงการสามารถอนุมัติวงเงินไปแล้วทั้งสิ้น 3,610 ล้านบาท จำนวน 3,055 ราย
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับโครงการจับคู่กู้เงินสถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออกนั้นจะดำเนินการต่อไปในเฟสที่สอง โดยจะต่ออายุโครงการออกไปอีก 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.- 7 พ.ย. นี้ โดยคาดว่าช่วงเฟสที่ 2 นี้จะสามารถอนุมัติวงเงินต่อลมหายใจให้ SMEs ส่งออกได้อีกไม่ต่ำกว่าอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท กระทรวงพาณิชย์ จับมือ กับสถาบันการเงินเป็นส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่ในภาพรวมของรัฐบาลที่มีหลายกระทรวง ทั้งนี้โครงการ”จับคู่กู้เงินร้านอาหารและ SMEs ส่งออก ที่กระทรวงดำเนินการคาดว่า คาดว่าจะช่วยปล่อยวงเงินสินเชื่อเพิ่มเงินหมุนเวียนให้กับธุรกิจร้านอาหารและ SMEs ส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
นางสาวประภัสสร รังสิโรจน์ นายกสมาคมร้านอาหารไทยและสตรีทฟู๊ด กล่าวว่า ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กับโครงการดีๆ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ยึดลมหายใจของร้านอาหาร ซึ่งขณะนี้ยังมีสมาชิกที่กำลังขอและรอการอนุมัติอีกหลายราย หากสามารถต่ออายุโครงกาไปอีกได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ประกบการร้านอาหาร เนื่องจากว่าการแพร่ระบาดของโควิดยาวนานเหลือเกินเพราะว่าการที่จะอยู่รอดได้จะต้องมีสายป่านที่ยาวขึ้น เพราะฉะนั้นวงเงินตรงนี้อย่างน้อยจะช่วยเยียวยาและช่วยให้ธุรกิจเดินต่อไปได้
สำหรับ โครงการ”จับคู่กู้เงิน” สถาบันการเงินกับร้านอาหาร สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการช่วยอนุมัติประกอบด้วยธนาคารออมสิน 1,453 ราย วงเงินอนุมัติสินเชื่อ 1,021.37 ล้านบาท ธ.ก.ส. 216 ราย วงเงินอนุมัติสินเชื่อ 217.10 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 176 ราย วงเงินอนุมัติสินเชื่อ 247.69 ล้านบาท SME D Bank 146 ราย วงเงินอนุมัติสินเชื่อ 205.66 ล้านบาท บสย. 874 ราย วงเงินอนุมัติสินเชื่อ 907.93 ล้านบาท ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อแยกตามภูมิภาค กรุงเทพมหานคร 860 ราย วงเงิน 465.65 ล้านบาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 1,230 ราย วงเงิน 1,584.54 ล้านบาท ภาคใต้ 247 ราย วงเงิน 142.22 ล้านบาท ภาคเหนือ 372 ราย วงเงิน 302.29 ล้านบาท ภาคกลาง 156 ราย วงเงิน 105.08 ล้านบาท
ส่วนโครงการ”จับคู่กู้เงิน” สถาบันการเงินกับ SMEs ส่งออก ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุมัติสินเชื่อแยกตามภูมิภาค กรุงเทพมหานครและปริมณฑล 120 ราย วงเงิน 746.80 ล้านบาท ตะวันออกเฉียงเหนือ 10 ราย วงเงิน 29.60 ล้านบาท ภาคใต้ 16 ราย วงเงิน 68.20 ล้านบาท ภาคเหนือ 16 ราย วงเงิน 41.40 ล้านบาท ภาคกลาง 28 ราย วงเงิน 125.20 ล้านบาท โดยได้รับเงื่อนไขการขอสินเชื่อพิเศษ ดอกเบี้ยพิเศษ 3.99% ต่อปี ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันใช้เพียง บสย.ค้ำประกันเท่านั้น และปลอดค่าธรรมเนียม 2 ปี อนุมัติวงเงินภายใน 7 วันทำการ รับกรมธรรม์ประกันการส่งออกฟรี 1 Shipment รับสิทธิประโยชน์ในการเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรด้านการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ความเป็นเลิศทางการค้าของ EXIM Bank