‘บ้านปู เน็กซ์’ กางแผนดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสร้าง New S-Curve
‘บ้านปู เน็กซ์’ กางแผนดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสร้าง New S-Curve เดินหน้าเต็มสูบ “พลังงานหมุนเวียน – แบตเตอรี่ – ซื้อขายไฟฟ้า - อีโมบิลิตี้” ยืนหนึ่งการเป็นผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาดครบวงจรระดับโลก
‘บ้านปู เน็กซ์’ หนึ่งในธุรกิจเรือธงของกลุ่มบ้านปูฯ ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เปิดแผน 5 ปี ขับเคลื่อนองค์กรด้วยกลยุทธ์ Greener & Smarter พร้อมดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดสร้าง New S-Curve ให้กับ 5 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพลังงานฉลาด เดินหน้าเพิ่มการลงทุน และขยายพอร์ตลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของกลุ่มบ้านปูที่ต้องการเพิ่ม EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานในสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 50 ภายในปี 2568 รองรับเทรนด์พลังงานแห่งอนาคตในยุค Never Normal
นายเจมส์ รามา ปัทมินทรวิภาส ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ ได้วางแผนธุรกิจเชิงรุก หรือแผนโรดแมป 5 ปี (2564-2568) โดยดำเนินตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และหลักการดำเนินงานสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล หรือ ESG จากกลุ่มบ้านปู เพื่อขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ดังนี้
1. เน้นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล (Data Driven) โดยยึดความต้องการและปัญหาของลูกค้าเป็นสำคัญ เพื่อนำไปวิเคราะห์ พัฒนา และออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์การดำเนินงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของลูกค้า รองรับเทรนด์การใช้พลังงานและพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต ขณะเดียวกันก็สร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
2. เดินหน้าลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Investment) ศึกษาการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีโอกาสการเติบโต ผนึกพันธมิตรทางธุรกิจ และสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยที่มีความสามารถ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
3. รุกผลักดันธุรกิจให้เติบโตในทุกโซลูชัน (2025 EBITDA Growth) เพิ่มสัดส่วนกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) ของกลุ่มบ้านปู เดินหน้าขยายพอร์ตลูกค้า เพิ่มกำลังการผลิตพลังงานสะอาด พัฒนาโปรดักซ์ และบริการใหม่ๆ ของธุรกิจให้ได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเรือธงอย่าง ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน แบตเตอรี่ ซื้อขายไฟฟ้า อี-โมบิลิตี้ และพลังงานฉลาด รวมถึงเดินหน้าขยายการให้บริการไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง”
นายชนิต สุวรรณพรินทร์ ผู้อำนวยการอาวุโส - บริหารการตลาดและการขาย บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจพลังงานฉลาดเป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำคัญของบ้านปู เน็กซ์ เราจึงวางกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และการตลาด เพื่อช่วยสร้างธุรกิจใหม่แห่งอนาคต (New S-Curve) ให้บริษัทฯ โดยเรามีแผนพัฒนา
5 โซลูชันพลังงานฉลาด และบริการใหม่ที่หลากหลายมากขึ้น ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูงต่างๆ อาทิ เทคโนโลยี AI บิ๊กดาต้า ระบบคลาวด์อัจฉริยะ มาเป็นตัวขับเคลื่อน (Key Enabler) การดำเนินงาน และช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการการใช้พลังงานสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเรียลไทม์บนแพลตฟอร์มเดียว (Integrated Data Platform)
โดยโซลูชันพลังงานฉลาด จะเป็นฟันเฟืองสำคัญสำหรับใช้พัฒนา 2 ส่วน ได้แก่ 1. การพัฒนาสมาร์ทคอมมูนิตี้และสมาร์ทซิตี้ โดยโครงการที่ประสบความสำเร็จของเราที่ผ่านมา ได้แก่ พัฒนาโรงเรียนนานาชาติรักบี้ จ.ชลบุรี สู่สมาร์ทแคมปัส เปิดตัวเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทย และร่วมพัฒนาโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน (Smart Safety Zone) จ.ภูเก็ต 2. การพัฒนาธุรกิจ และอุตสาหกรรมทุกประเภท ให้มุ่งสู่ความยั่งยืน ด้วยการให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาดแบบครบวงจร (End-to-End) พร้อมดิจิทัลแพลตฟอร์ม และบริการหลังการขายตลอด 24 ช.ม. ซึ่งเป็นจุดเด่นด้านบริการของเรา”
“บ้านปู เน็กซ์ มั่นใจว่าแผนธุรกิจ 5 ปี จะสามารถนำองค์กรก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในอนาคต สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้ธุรกิจ โดยตั้งเป้าภายในปี 2568 เพิ่มกำลังผลิตรวมของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม (Renewable) ทั้งเอเชียแปซิฟิกเป็น 1,600 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่รวม 824 เมกะวัตต์1 และกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ลานจอดรถ และโซลาร์ลอยน้ำรวม 249 เมกะวัตต์1 เพิ่มกำลังการเทรดไฟฟ้าของธุรกิจ Energy Trading เป็น 1,000 กิกะวัตต์ชั่วโมง ขยายการเติบโตของธุรกิจแบตเตอรี่คุณภาพสูงของดูราเพาเวอร์และนำมาต่อยอดพัฒนาโซลูชันพลังงานอื่นๆ ตามความต้องการของลูกค้า พร้อมพัฒนาบริการธุรกิจอี-โมบิลิตี้ ให้ครบวงจรและครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยเพิ่มจุดบริการไรด์ แชร์ริ่ง เป็น 50,000 จุด เพิ่มจุดบริการคาร์แชร์ริ่ง เป็น 5,000 จุด เพิ่มจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้า และพัฒนาบริการหลังการขายให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเตรียมขยายโปรเจกต์สมาร์ทซิตี้ และคอมมูนิตี้เพิ่มเป็น 9 โครงการ จากปัจจุบัน 5 โครงการ1” นายเจมส์ กล่าวสรุป