เสี่ยป๋อง ชี้ 3 ปัจจัย สร้างจุดเปลี่ยน หุ้นไทย พ้นโควิด
"เสี่ยป๋อง" ขาใหญ่ตลาดหุ้น จับตา 3 สัญญาณ สร้างจุดเปลี่ยนหุ้นไทยหลังโควิด-19 ชี้ดัชนีรอบนี้ฟื้นตัวเร็วกว่าปี 40 เหตุนักลงทุนเรียนรู้จากวิกฤติรอบก่อน พร้อมแนะนำสร้างโอกาสลงทุนในต่างประเทศ
นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนอิสระ เปิดเผยในวงเสวนาออนไลน์ผ่านคลับเฮาส์ "CEO โซเซ : The Legend Ep.2 สร้างตำนานผ่านวิกฤติ" ว่า สำหรับ "จุดเปลี่ยน" หรือ Turning Point ของตลาดหุ้นไทยในมุมมองส่วนตัวจะเกิดขึ้นต่อเมื่อ 1. จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต้องลดลงต่ำกว่าจำนวนผู้หายป่วย และภาพดังกล่าวจะต้องต่อเนื่องไประยะหนึ่ง หรือจนกว่าจำนวนผู้หายป่วยจะปรับตัวลงเกือบหมด
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันแรกใน 2 สัปดาห์ที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นสูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม
2. การระดมฉีดวัคซีนได้เยอะ และมีวัคซีนที่จะฉีดเพียงพอ เพื่อสร้างให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) และ 3. การมียารักษาโรคที่เพียงพอ เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์ หรือยาฟ้าทะลายโจร เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจไม่ให้ประชาชนจื่นตระหนกเมื่อติดเชื้อ เพราะเชื่อว่าโควิด-19 จะอยู่กับประเทศไทยอีกระยะหนึ่ง และแม้สถานการณ์จะเบาลง แต่คาดว่าจะยังเป็นโรคประจำถิ่น (Endemic) อยู่ดี
ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในวิกฤติโควิด-19 ยอมรับว่ามีความแตกต่างจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 อย่างมาก กล่าวคือ ตลาดหุ้นใช้เวลาเพียง 2-3 เดือนเท่านั้น ในการฟื้นตัวกลับมาสู่จุดเดิม เทียบกับวิกฤตในอดีตที่ต้องใช้เวลากว่า 20 ปี จึงจะกลับมาได้ ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากที่นักลงทุนมีประสบการณ์และเกิดการเรียนรู้มากขึ้นว่าวิกฤติเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวที่เข้ามากระทบ
"หากดูกราฟช่วงที่เริ่มเกิดการระบาดในเดือน ก.พ.-มี.ค.2563 ดัชนีตกลงไปแถว 900 จุด แต่ตอนนี้กลับขึ้นมาอยู่ที่ 1,630-1,650 จุดแล้ว ดังนั้น ถ้าในเชิงกราฟตลาดหุ้นได้ฟื้นตัวกลับขึ้นมาแล้ว แต่เชิงพื้นฐานอย่างจีดีพี และการจับจ่ายใช้สอย คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นตามมา"
สำหรับคำแนะนำลงทุน นายวัชระ กล่าวว่า นักลงทุนมีหลายประเภท หากเป็นนักลงทุนแนวพื้นฐานจะต้องศึกษาธุรกิจให้ละเอียดและรอบคอบ ส่วนของตนที่เป็นแนวผสมผสาน โดยดูทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค ซึ่งรวมถึงการวิเคราะห์กราฟที่เป็นเครื่องมือบันทึกพฤติกรรมของนักลงทุนในอดีต โดยกฎเหล็กในการลงทุนของตนคือต้องมีวินัย หากดูกราฟแล้วเกิดสัญญาณขายก็จะต้องขายตาม
นอกจากนี้ ในโลกที่สามารถเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้ง่ายขึ้น มองว่าการกระจายการลงทุนไปในตลาดหุ้นต่าปงระเทศ รวมถึงสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เป็นช่องทางที่น่าสนใจและเป็นการสร้างโอกาสสร้างผลกำไรจากการลงทุน