บลจ.เอไอเอ เดินหน้าดัน AUM สู่ 1ล้านล้าน ในอนาคต
บลจ.เอไอเอ ตั้งเป้าดัน AUM ขึ้นสู่ 1ล้านล้าน หลังครบ 1 ปีทำได้ 8.53 แสนล้าน มั่นใจตัวแทน -ลูกค้า-ตลาดหุ้นหนุนเติบโต ชี้กลยุทธ์ลงทุนช่วงนี้เน้นหุ้นเป็นหลัก หลังผลตอบแทนจากหุ้นไทยโต 16-17% ขณะที่ผลตอบแทนหุ้นต่างประเทศที่ 11% ล่าสุด ออก 2ประกันตัวใหม่ดึงลูกค้าเข้าพอร์ต
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอไอเอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ AIAIMT เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) รวม 853,000 ล้านบาท หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการครบรอบ 1 ปี บริษัทไม่มีเป้าหมายการเติบโตของ AUM ในแต่ละปี มั่นใจว่าตัวแทนและลูกค้าบริษัทช่วยผลักดันพอร์ตการลงทุนให้เติบโตต่อเนื่องได้ รวมถึงภาวะตลาดหุ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศหากเติบโตต่อเนื่อง จะช่วยผลักดันพอร์ตลงทุนของบริษัทเติบโตแตะ 1ล้านล้านบาทได้ในอนาคต
ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนยังคงเน้นน้ำหนักในหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ผ่านมา หุ้นไทยให้ผลตอบแทนดีสุดเฉลี่ยอยู่ที่ 16-17% ขณะที่ผลตอบแทนจากหุ้นต่างประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 11%กว่า
ปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกองทุนส่วนบุคคลที่ 39.71% เป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรม ส่วนกองทุนรวมปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวม 31,485 ล้านบาทเติบโตที่ดีมาก จัดเป็นบลจ.ขนาดใหญ่1ใน5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมกองทุนในประเทศไทย พร้อมมีแผนออกกองทุนเพิ่มเติมจาก 11 กองทุนในปัจจุบันเป็น 20 กองทุนในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าบริหารความเสี่ยงและให้บรรลุวัตถุประสงค์การลงทุนระยะยาวของผู้ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตควบการลงทุน (ยูนิต ลิงค์) ของบริษัทโดยเฉพาะ
นายสุขวัฒน์ กล่าวว่า มุมมองการลงทุนครึ่งปีหลัง มีมุมมองเป็นบวกในหุ้นมากกว่าตราสารหนี้ โดยเฉพาะหุ้นในตลาดที่พัฒนาแล้ว นำโดยหุ้นสหรัฐฯและยุโรป เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินที่สูงจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้นมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตราสารหนี้ต่อไป เชื่อว่าความคล่องตัวในการปรับสัดส่วนการลงทุนและการลงทุนในหุ้นวัฐจักร จะสร้างความสมดุลย์ให้พอร์ตการลงทุนในช่วงภาวะที่มีความผันผวนสูงได้
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น แม้ว่าภาคบริการรวมถึงภาคท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในประเทศยังเป็นที่น่ากังวล แต่โดยรวมตลาดหุ้นไทยเริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น ส่วนตราสารหนี้ มองว่า ตราสารหนี้ในเอเชียยังน่าลงทุนเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ในตลาดสหรัฐฯ เนื่องจากส่วนชดเชยความเสี่ยงการผิดนัดชำระที่สูงกว่า
นายพีร พนิตผล ผู้อำนวยการฝ่ายยูนิต ลิงค์ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า อย่างที่ทราบกัน ในวิกฤตโควิด 19 นี้ ทุกอุตสาหกรรมล้วนได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย ซึ่งในอุตสาหกรรมประกันชีวิตก็เช่นกัน
จากรายงานของสมาคมประกันชีวิตไทยภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 เทียบกับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (FYP) มีอัตราการเติบโตลดลง 5%แต่ผลิตภัณฑ์ประเภทประกันชีวิตควบการลงทุน หรือยูนิต ลิงค์ ยังคงเติบโตได้ดีสวนทางกับอุตสาหกรรมถึง 137%จากปีที่
ผ่านมา
สาเหตุเพราะผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุนสามารถตอบโจทย์ทั้งในด้านความคุ้มครอง ค่าเบี้ยประกันภัย และระยะเวลาการจ่ายเบี้ยประกันภัยที่ลูกค้าออกแบบเองได้ โดยเราได้รับความใว้วางใจจากลูกค้ากว่า 1.9 แสนกรมธรรม์ ทำให้ เอไอเอ ประเทศไทย ครองอันดับ 1 ในอุตสาหกรรมยูนิต ลิงค์ ต่อเนื่องมายาวนานกว่า 6 ปี และถึงแม้ในปัจจุบัน เอไอเอ ประเทศไทย สามารถก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ยูนิต ลิงค์ แต่เราก็ไม่หยุดที่จะมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ให้ลูกค้าได้รับประโยชน์สูงสุด ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives – เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’ ของคนไทยทั่วประเทศ”
ล่าสุด เอไอเอ ประเทศไทย เดินหน้าปักธงยืนหนึ่งในด้านผลิตภัณฑ์ประกันในกลุ่มเด็กที่ดี ตอบโจทย์ และครบวงจรที่สุด ด้วยการเปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่
ผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ ‘AIA Health Happy – UDR’ ซึ่งเป็นสัญญาเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต AIA Issara Plus (Unit Linked) โดยเป็นการผสานระหว่างความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพให้ครอบคลุม 360 องศา เพื่อส่งมอบความอุ่นใจแก่ผู้ปกครอง โดดเด่นด้วยความคุ้มครองแบบ ‘เหมา เบิ้ล คุ้ม’ ไม่จำกัดวงเงินต่อการเข้ารักษาตัวครั้งใดครั้งหนึ่ง* และ
ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตควบการลงทุน ‘AIA Infinite Gift Prestige’ (Unit Linked) ที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการในการส่งมอบความมั่นคงและมั่งคั่งแทนความรักจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านการวางรากฐานเตรียมความพร้อมในทุกด้านตั้งแต่วัยเยาว์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุตรหลานจะสามารถเดินตามความฝันในวันที่เติบโต และมีความพร้อมรับมือกับ
ทุกสถานการณ์ในอนาคต โดยการวางแผนทางการเงินระยะยาว ผ่านประกันควบการลงทุน* ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ของขวัญจากความรัก ที่ไม่มีข้อแม้’