‘อนุสรณ์ ธรรมใจ’ เสนอเร่งนำเงินจากไอเอ็มเอฟ 1.4 แสนล้าน เยียวยาคนตกงาน

‘อนุสรณ์ ธรรมใจ’ เสนอเร่งนำเงินจากไอเอ็มเอฟ 1.4 แสนล้าน เยียวยาคนตกงาน

‘อนุสรณ์ ธรรมใจ’ อดีตบอร์ดแบงก์ชาติเสนอรัฐใช้เงินจากกองทุน SDR ที่ได้รับมอบจากไอเอ็มเอฟ 1.4 แสนล้านบาท เร่งเยียวยาคนว่างงาน จัดซื้อวัคซีน ลงทุนด้านระบบสาธารณสุข

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวว่า การที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้จัดสรรเงินจากกองทุนสิทธิพิเศษถอนเงิน (SDRs) จำนวน 6.5 แสนล้านดอลลาร์ หรือ ประมาณ 21.7 ล้านล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา จะส่งผลบวกต่อตลาดการเงินโลก สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน เสริมสภาพคล่องและพยุงเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินโลก นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณให้ประเทศต่างๆ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการฝ่าวิกกฤตการณ์เศรษฐกิจโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาที่ขาดแคลนทุนสำรองและมีข้อจำกัดทางการคลังในการรับมือกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและสาธารณสุขจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด

อย่างไรก็ตาม การจัดสรรเงิน SDRs จำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ IMF ให้กับประเทศสมาชิกย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของวิกฤติครั้งนี้และผลกระทบที่จะตามมาอีกมากมายในอนาคต การจัดวงเงินดังกล่าวจะช่วยบรรเทาปัญหาวิกฤติต่างๆ ที่จะตามมาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาได้ระดับหนึ่ง และป้องปรามล่วงหน้าไม่ให้เกิดการแพร่ลาม (Spillover) จากประเทศที่มีปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจสังคมรุนแรงไปยังประเทศอื่นๆ และลดความเสี่ยงจากความเสียหายจากความเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคมไม่ให้ถลำลึกกว่าที่เป็นอยู่ 

อ่านข่าว : ‘กรุงไทย’แย้มใช้ เงินแจก IMF ฝ่าโควิด หนุนบาทแข็งค่าแต่ไม่กระทบพื้นฐาน

SDRs นั้นคำนวณมูลค่าจากเงินสกุลหลักห้าสกุล ตามขนาดและความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก อย่างประเทศต่างๆ ที่เป็นเจ้าของเงินสกุลหลัก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐ (ดอลลาร์) กลุ่มประเทศยูโรโซน (เงินยูโร) ประเทศญี่ปุ่น (เงินเยน) ประเทศจีน (เงินหยวน) ประเทศสหราชอาณาจักร (เงินปอนด์) หาก กระทรวงการคลังของประเทศเหล่านี้ต้องออกพันธบัตรเพื่อช่วยเหลือประเทศอื่น หรือ เสริมสภาพคล่องในประเทศ ก็ไม่ได้เป็นภาระต่อประชาชนมากนักเพราะจะได้รับการชดเชยจากดอกเบี้ยจากการถือครอง SDRs นั่นเอง ฉะนั้น การจัดสรรวงเงิน SDRs แจกให้ประเทศสมาชิกทั้งยากจนและร่ำรวยจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับทุนสำรองระหว่างประเทศ เป็นการช่วยเหลือประเทศที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในภูมิภาคละตินอเมริกาและแอฟริกา โดยประเทศกำลังพัฒนาและยากจนได้รับการจัดสรรโดยรวมประมาณ 2.75 แสนล้านดอลลาร์

 

ทั้งนี้ หากพิจารณาดูจากข้อมูล พบว่า IMF เคยจัดสรรเงินทุน SDRs เพิ่มเติมพิเศษมาแล้วสองครั้งที่เป็น Yearly Installment คือ ในช่วง ปี ค.ศ. 1970-1972 วงเงิน 9.3 พันล้านดอลลาร์ และ ในปี ค.ศ. 1979-81 วงเงิน 12.1 พันล้านดอลลาร์ และ Special one-time allocation ประมาณ 21 พันล้านดอลลาร์ ตอนเกิดวิกฤติการเงินโลกแฮมเบอร์เกอร์ในปี ค.ศ. 2009  การจัดสรรวงเงินพิเศษแต่ละครั้งได้ช่วยบรรเทาปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกได้ระดับหนึ่ง แต่ช่วยให้เกิดเสถียรภาพต่อระบบการเงินโลกได้ค่อนข้างดีทีเดียว 

 

กรณีของไทยที่ได้รับเงินจัดสรร 1.4 แสนล้านบาท หรือ 4.4 พันล้านดอลลาร์ รัฐบาลควรหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อนำเงิน SDRs ที่ได้รับการจัดสรรมาใหม่จำนวนนี้มาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการคลังโดยมุ่งไปที่การเยียวยาผู้ว่างงานและลงทุนทางการศึกษา การจัดซื้อวัคซีนและการลงทุนทางด้านสาธารณสุข หากกระทรวงการคลังต้องออกพันธบัตรเพื่อกู้เงินก็ไม่ได้เป็นภาระต่อประชาชนเพียงเล็กน้อยเพราะจะได้รับการชดเชยจากดอกเบี้ยจากการถือครอง SDR  

นอกจากนี้ ไทยยังสามารถแสดงความเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนด้วยการหารือกับประเทศอาเซียนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดีและทุนสำรองระหว่างประเทศสูง อย่างสิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย สามารถรับแลกเงิน SDRs กับ เงินสกุลหลักให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนที่ต้องการเงินทุนเพื่อช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและต่อต้านการแพร่ระบาดให้กลุ่มประเทศอาเซียนยากจน เช่น เมียนมา ลาว และกัมพูชา เนื่องจากโลกและอาเซียนจะฝ่าวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม และวิกฤติสาธารณสุขจากไวรัสโควิดนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างประเทศในระดับภูมิภาคและในระดับโลก

โดยขณะนี้ IMF ได้ให้เครื่องมือ SDRs มาแล้วเพื่อเป็นกลไกตั้งต้นส่วนหนึ่งของการดำเนินการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาสภาพคล่อง เสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบการเงินโลก ฟื้นฟูสังคมและคุณภาพชีวิตของมนุษยชาติ การดำเนินการดังกล่าว “ไทย” หรือ “สิงคโปร์” อาจเป็นผู้นำในการนำเรื่องดังกล่าวหารือกับ IMF อย่างเป็นระบบ การดำเนินการดังกล่าวสามารถทำผ่านกลไก Poverty Reduction and Growth Trust (PRGT) ของ IMF ก็ได้ แต่อาเซียนควรมีเงื่อนไขกรณีเมียนมาว่า รัฐบาลเผด็จการทหารต้องหยุดใช้กำลังและหยุดละเมิดสิทธิมนุษยชน และจัดให้มีการเลือกตั้งตามกำหนดเวลา ส่วนกลไกใหม่ Resilience and Sustainability ที่ IMF เพิ่งจัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลการฟื้นตัวและการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาวหลังการแพร่ระบาดโควิดและการต่อสู้กับภัยพิบัติธรรมชาติจากภาวะโลกร้อน  “ไทย” ควรแสดงบทบาทผู้นำในการหารือกับอาเซียนว่าจะใช้ประโยชน์จากกองทุนดังกล่าวอย่างไรต่อไป  

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการใช้เงินจัดสรรโดย IMF เพื่อจัดหาวัคซีนคุณภาพสูงและลงทุนทางด้านระบบสาธารณสุข จะเป็นวิธีการและกลไกที่โปร่งใสกว่าการใช้เงินซื้อวัคซีนและการลงทุนด้านระบบสาธารณสุขผ่านกลไกงบประมาณของไทย นอกจากนี้ ภาระต่อสาธารณชนในรูปของหนี้สาธารณะก็น้อยกว่า จึงเห็นควรใช้ SDR ไปแลกกับเงินสกุลหลักเพื่อนำเงินสกุลหลักเหล่านั้นมาจัดซื้อวัคซีน การดำเนินการดังกล่าวนอกจากช่วยเหลือประเทศไทยและประชาชนของประเทศของเราแล้ว ยังเป็นการช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบการเงินโลกอีกด้วย  

ขณะที่การตอบสนองของตลาดการเงินโลกต่อการประกาศทยอยลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณของธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางยุโรปจะไม่รุนแรง เพราะเศรษฐกิจของหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐมีความแข็งแกร่งเพียงพอในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินได้ และดอกเบี้ยนโยบายจะยังไม่ปรับขึ้นเร็วๆ นี้ ขณะที่ความเคลื่อนไหวของ IMF ในการเสริมสภาพคล่องให้กับระบบการเงินโลกเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะไม่ทำให้ตลาดการเงินโลกมีความผันผวนรุนแรงเกินไป 

สำหรับตลาดการเงินไทยนั้นมีความเปราะบางอยู่บ้าง และอาจมีความผันผวนมากกว่าบางตลาดได้เนื่องจากโครงสร้างทางการเงินของกิจการและธุรกิจอุตสาหกรรมบางส่วนอ่อนแอลง ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่ำกว่า 2% เป็นระยะเวลาหลายปีต่อเนื่องกัน มีความเสี่ยงจะเกิดวิกฤติหนี้สินทั้งภาครัฐและภาคเอกชน  สัดส่วนของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีทะลุ 60% ในปีหน้า จะเกิดความอ่อนไหวต่อการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่อาจตึงตัวขึ้นในปีหน้า การก่อหนี้สาธารณะเพิ่มเติมจึงต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง การขยับเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจาก 60% เป็น 70% หรือ 80% ต้องศึกษาวิจัยถึงผลดีผลเสียอย่างรอบคอบโดยพิจารณาพลวัตเศรษฐกิจไทยและโลกด้วย และต้องมั่นใจว่าเงินกู้ที่เป็นภาระของประชาชนผู้เสียภาษีในอนาคตและปัจจุบันจะต้องไม่รั่วไหลหรือใช้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา