"คนร." สั่งรัฐวิสาหกิจทำแผนแก้ขาดทุนบริษัทลูกใน 30 วัน
คนร. สั่งรัฐวิสาหกิจทุกแห่งประเมินแผนลงทุนบริษัทในเครือ ใน 30 วัน หากมีผลขาดทุนให้เร่งเสนอแผนแก้ไขโดยเร็ว หากไม่เกี่ยวข้องภารกิจหลักให้พิจารณายุบเลิก
รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน วานนี้ (13 ก.ย.) ว่าที่ประชุมเห็นชอบการจัดกลุ่มบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ โดยในส่วนของบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจ ได้พิจารณาจากการดำเนินการของบริษัทในเครือมีความสอดคล้องกับภารกิจหรือจำเป็นต่อภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และจัดกลุ่มบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจใหม่เป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มที่ 1 กลุ่มบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และแบ่งเป็นกลุ่มย่อยตามผลประกอบการด้านการเงิน คือ กลุ่มที่มีผลประกอบการมีกำไร และผลประกอบการขาดทุน
กลุ่มที่ 2 กลุ่มบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการไม่สอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ
กลุ่มที่ 3 กลุ่มบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นต่อการดำเนินภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ
โดยในส่วนของบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการสอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ และบริษัทในเครือที่จัดตั้งขึ้นตามความจำเป็นต่อการดำเนินภารกิจเฉพาะตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ
โดยหากบริษัทในเครือใดมีผลประกอบการขาดทุนให้รัฐวิสาหกิจร่วมกับบริษัทในเครือจัดทำแผนแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพื่อนำเสนอกระทรวงเจ้าสังกัดพิจารณาและรายงานความคืบหน้าการดำเนินการให้ คนร. ทราบเป็นรายไตรมาสภายใน 30 วัน นับจากวันสิ้นไตรมาส เริ่มตั้งแต่ไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นต้นไป
รวมทั้งเห็นชอบหลักการการยุบเลิกหรือถอนการลงทุนบริษัทในเครือที่มีการดำเนินการไม่สอดคล้องกับภารกิจตามวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจ โดยให้รัฐวิสาหกิจพิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาระยะเวลาในการยุบเลิกหรือถอนการลงทุนให้มีความเหมาะสม และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการผ่านกระทรวงเจ้าสังกัดให้ คนร. ทราบเป็นรายไตรมาสภายใน 30 วัน นับจากวันสิ้นไตรมาสเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สำหรับกรณีบริษัทในเครือที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ยุบเลิกหรือถอนการลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว ให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการต่อไป และรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการให้ คนร. ทราบเป็นรายไตรมาส ภายใน 30 วัน นับจากวันสิ้นไตรมาสเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564 เป็นต้นไป
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การพัฒนาและทิศทางการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ จะต้องเป็นการพลิกโฉมประเทศไทย โดยพุ่งเป้าความต้องการในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม สาธารณสุข เพื่อเพิ่ม GDP ประเทศ รัฐวิสาหกิจที่มีขีดความสามารถ เน้นการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศให้มากขึ้น รวมทั้งมีการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัล ให้ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเพื่อเป็นรายได้เข้าสู่ประเทศ ซึ่งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนและธุรกิจจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศโดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก
นายกฯ ยังกล่าวถึงเรื่องการจ้างงานว่า ขอให้รัฐวิสาหกิจได้มีส่วนช่วยเหลือประชาชนโดยพิจารณาหาแนวทางจัดทำแผนงานการจ้างงานในด้านต่าง ๆ เช่น งานด้านสิ่งแวดล้อม โยธา การรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สิน เป็นต้น ที่อาจเป็นการจ้างงานในรูปแบบพิเศษ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ที่มีปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ช่วยเหลือประชาชนคนที่ตกงานได้มีรายได้ประจำวันด้วย