ส.อ.ท.มั่นใจรัฐบาลจีน คุมปัญหา ‘เอเวอร์แกรนด์’ ได้
ส.อ.ท.ประเมินรัฐบาลจีน สามารถควบคุมปัญหา ‘เอเวอร์แกรนด์’ ได้เหมือนที่ควบคุมเท็นเซ็น-อาลีบาบา ไม่เกิดปัญหาสินเชื่อในสถาบันการเงินของจีน ชี้ กระทบไทยน้อย
เอเวอร์แกรนด์ ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์จีนมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้ หลังจากได้เผชิญกับภาวะล้มละลาย
ที่ผ่านมาเอเวอร์แกรนด์ขยายธุรกิจและไล่ซื้อกิจการมากมาย ซึ่งวิกฤติสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัททำให้หลายฝ่ายกังวลว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่แห่งนี้จะผิดนัดชำระหนี้และก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงินของจีน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวกับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หลังจากนี้คงต้องดูว่ารัฐบาลจีนจะเข้ามาแก้ปัญหาของเอเวอร์แกรนด์อย่างไรและสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แค่ไหน ซึ่งผลกระทบทงตรงต่อประเทศไทยคงไม่มากเพราะการลงทุนระหว่างไทยและจีน เพิ่งมีมากในช่วงหลัง แต่ต้องดูผลกระทบต่อฮ่องกงและสิงคโปร์ที่อาจได้รับผลกระทบมากและอาจส่งผลกระทบทางอ้อมมาถึงประเทศไทย
“รัฐบาลจีนน่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะที่ผ่านมาก็จัดการปัญหาที่เกิดขึ้นกับเอกชนได้ เช่น เท็นเซ็น อาลีบาบา จึงเชื่อว่าปัญหาของเอเวอร์แกรนด์ก็น่าจะมีวิธีเข้าไปจัดการ รวมทั้งต้องดูว่าธนาคารและเจ้าหนี้ในกรณีนี้จะเป็นอย่างไร แต่ธนาคารของจีนอยู่ในการดูแลจากรัฐบาลจีนอยู่แล้วและถือว่ามีความเข้มแข็งมากจึงไม่น่าจะกระทบกับสภาพคล่อง ซึ่งต่างจากวิกฤติซับไพร์มของสหรัฐเมื่อปี 2550-2551 เพราะการเข้ามาแก้ปัญหาของรัฐบาลสหรัฐและรัฐบาลจีนจะแตกต่างกัน” นายสุพันธุ์ กล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หน่วยงานจัดอันดับอย่างฟิทช์ ระบุว่า บริษัทจำนวนมากอาจมีความเสี่ยงด้านสินเชื่อเพิ่มขึ้นมากหาก เอเวอร์แกรนด์ผิดนัดชำระหนี้จริง แม้ว่าผลกระทบโดยรวมที่มีกับภาคการธนาคารจีนจะสามารถจัดการได้
“เราเชื่อว่าการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์จะยิ่งทำให้สินเชื่อในกลุ่มผู้สร้างบ้านมีช่องว่างมากขึ้น และอาจส่งผลให้เกิดปัญหากับธนาคารขนาดเล็กบางแห่ง” ฟิทช์ ระบุ
ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเอเวอร์แกรนด์ เป็น “CC” จาก “CCC+” เมื่อวันที่ 7 ก.ย. บ่งชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการผิดนัดชำระหนี้บางอย่าง
เมื่อวันอังคารที่ 14ก.ย.2564 เอเวอร์แกรนด์ ระบุว่าได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อตรวจสอบทางเลือกทางการเงิน พร้อมทั้งเตือนถึงความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ เนื่องจากบริษัทขายสินทรัพย์ได้ลดลง