พาณิชย์โชว์ผลสร้างแพลตฟอร์มกลางช่วยเกษตรกร
กรมพัฒนาธุรกิจการค้าโชว์ผลสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” ยอดขายเริ่มปัง หลังนำ สหกรณ์ขายสินค้าบน Thaitrade.com เพื่อส่งออก และ Phenixbox.com ขายในประเทศ ล่าสุดช่วยจัดแมชชิ่ง ต่างชาติสนใจซื้อเกือบ 80 ล้าน ส่วนในประเทศ โรงแรม 11 แห่ง ดิวซื้อสินค้า 3 ล้านบาท
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสร้างแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” เพื่อขายสินค้าในรูปแบบ B2B (Business-to-Business) เพื่อช่วยเหลือสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ในการขายสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศและในประเทศ ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมฯ ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ระหว่างกลุ่มสหกรณ์และผู้ซื้อจากต่างประเทศ มีสหกรณ์ที่ผ่านการคัดเลือกให้มาจำหน่ายสินค้า 9 สหกรณ์ มาเจรจากับผู้นำเข้า จำนวน 22 ราย จาก 9 ประเทศ ได้แก่ สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ เมียนมา ฟิลิปปินส์ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และอินเดีย รวม 59 คู่เจรจา ผลจากการเจรจาการค้า เกิดมูลค่าการซื้อขายคาดการณ์ 1 ปี 79.46 ล้านบาท หรือ 2.4 ล้านดอลลาร์
สำหรับสินค้าที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว ข้าวอินทรีย์ นมอัดเม็ด ผลิตภัณฑ์นม และผลิตภัณฑ์เนื้อวัวแปรรูป เป็นต้น และผู้นำเข้ายังได้มีการขอตัวอย่างสินค้าจากสหกรณ์ เพื่อไปพิจารณา และมีแนวโน้มที่จะสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
โดย 9 สหกรณ์ ได้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. สุรินทร์ 2.สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี 3.สหกรณ์โคนมหมวกเหล็ก 4.สหกรณ์โคนมวังน้ำเย็น 5.สหกรณ์การเกษตรวิสัย 6.สหกรณ์การเกษตรพิมาย 7.สหกรณ์โคเนื้อกำแพงแสน 8.สหกรณ์การเกษตรเมืองลับแล และ 9.สหกรณ์การเกษตรปักธงชัย
ส่วนการเพิ่มช่องทางขายให้กับสหกรณ์ภายในประเทศ ได้จัดเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ระหว่างสหกรณ์การเกษตรและผู้ซื้อภายในประเทศ คือ โรงแรมในเครือ AWC โดยบริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ผ่านระบบซูม ซึ่งได้เริ่มจากการแนะนำสหกรณ์ให้กับโรงแรมได้รู้จัก จากนั้นเปิดให้มีการเจรจาจับคู่ ปรากฏว่า มีโรงแรมที่สนใจซื้อสินค้าจากสหกรณ์การเกษตรทั้งสิ้น 11 โรงแรม เช่น โรงแรม The Okura Prestige Bangkok โรงแรม The Athenee Hotel โรงแรม Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park โรงแรม Banyan Tree และโรงแรม Hilton Sukhumvit เป็นต้น รวมคู่เจรจา 41 คู่เจรจา เกิดมูลค่าการซื้อขายคาดการณ์ใน 1 ปี ประมาณ 3 ล้านบาท โดยสินค้าที่ได้รับความสนใจสูงสุด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ นมโคพาสเจอร์ไรซ์ ไข่ไก่ และผลไม้ เป็นต้น และโรงแรมยังมีความสนใจสินค้าประเภทอื่น ๆ อีก โดยหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ก็จะสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ การจัดทำแพลตฟอร์มกลาง “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด”นี้ ได้นำร่องกลุ่มสหกรณ์ที่มีความเข้มแข็ง 40 สหกรณ์ มีสินค้า ได้แก่ ข้าว ไข่ไก่ เนื้อโคขุน น้ำนม ผัก ผลไม้ กาแฟ และสินค้าแปรรูปจากยางพารา เป็นต้น โดยเป็นกลุ่มที่มีกำลังการผลิตเพียงพอ สามารถจำหน่ายปริมาณมากได้ ทั้งส่งออกและขายในประเทศ โดยในการส่งออกนำขึ้นขายผ่านแพลตฟอร์ม Thaitrade.com ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และในประเทศขายผ่านแพลตฟอร์ม Phenixbox.com ของบริษัทแอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มศูนย์ค้าส่งครบวงจรภายในประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเพิ่มฐานลูกค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้กับสินค้าเกษตรกลุ่มอื่น ๆ เช่น สินค้าปศุสัตว์ สินค้าประมง และสินค้าวิสาหกิจชุมชน ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อนำสินค้าเกษตรเหล่านี้ขึ้นจำหน่ายบนแพลตฟอร์มทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจออนไลน์ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนต.ค.2564 และยังได้เชื่อมโยงแพลตฟอร์ม Thaitrade.com และ Phenixbox.com ไว้บนหน้าเฉพาะ “เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” บนเว็บไซต์ Moc.go.th ซึ่งในปัจจุบันได้ทำการเชื่อมโยงเรียบร้อยแล้ว