ประกันชงตั้งกองทุนช่วยเคลมโควิด คปภ. เปิดผลทดสอบฐานะการเงินแกร่ง

แหล่งข่าวจากบริษัทประกัน เปิดเผยว่า หลังจากวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด -19รุนแรงและยืดเยื้อในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ (เดือนก.ค.-ส.ค.2564) ส่งผลให้บริษัทประกันที่รับประกันภัยโควิด-19 มียอดเคลมสินไหมเป็นจำนวนมาก รวมถึงยังประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ไม่ชัดเจนและบริหารจัดการความเสี่ยงได้ยากลำบาก เพราะตอนนี้บริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศได้ปฏิเสธรับความเสียหายส่วนนี้ในไทยเพราะความเสี่ยงสูงมาก

ดังนั้นเพื่อให้การจ่ายสินไหมประกันโควิด-19 เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ ไม่กระทบประชาชนผู้เอาประกันและไม่กระทบต่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยในระยะสั้น ทางบริษัทประกันต่างๆมีข้อเสนอไปยังคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ว่า คปภ. คงต้องมีแนวทางช่วยเหลือบริษัทประกันที่รับประกันภัยโควิด-19 

แนวทางการช่วยเหลือ เช่น การจัดตั้งกองทุนกลางขึ้นมาช่วยเหลือบริษัทประกันจ่ายสินไหมให้กับผู้เอาประกันที่ป่วยโควิด-19 เหมือนกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยตอนเกิดสึนามิในปี 2547 รวมถึงอาจมีการผ่อนเกณฑ์ต่างๆให้กับบริษัทร่วมด้วย เช่น การไม่นำความเสียหายจากโควิด-19 มาพิจารณาการดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง เป็นต้น

“สถานการณ์โควิด-19ระบาดในไทยเป็นวิกฤติ เหมือนกับสึนามิ ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีบริษัทไหนคาดเดาได้ว่าจะสูงขนาดนี้ และการบริหารจัดการตอนนี้ทำได้ยากลำบาก รีอินชัวเรอส์ต่างประเทศก็ไม่รับความเสี่ยงโควิด-19ในไทย ดังนั้นเพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมการตั้งกองทุนมาช่วยบริษัทประกันจ่ายสินไหม น่าจะเป็นทางออก ทำให้บริษัทประกันผ่านพ้นจ่ายสินไหมประกันโควิดผ่านพ้นในช่วงระยะสั้น 3-5 เดือนไปได้ซึ่งยอดเคลมมีโอกาสพุ่งทะลุหมื่นล้าน”

คาดยอดเคลมพุ่ง 1.2 หมื่นล้าน

ก่อนหน้านี้ นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ระบุว่า บริษัทประกันได้เตรียมความพร้อมเพื่อจ่ายเคลมสินไหมประกันโควิด-19 โดยพบว่า บริษัทประกันวินาศภัย บางแห่งกำลังพิจารณาขายทรัพย์สิน หุ้น พันธบัตร รวมถึงเพิ่มทุน เพื่อระดมเงินสดให้เพียงพอไว้รองรับการจ่ายเคลมประกันภัยโควิด-19 ให้ทันเวลาไม่ให้มีความล่าช้า

การดำเนินการดังกล่าวมีขึ้นหลังจากช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ มียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 และขอเคลมประกันเข้ามาสูงต่อเนื่อง มากกว่าช่วงปกติถึง 10 เท่า ประเมินว่าในเดือนก.ย.นี้ อาจจะต้องหาเงินสดสำรองไว้จ่ายเคลมอีก 3,000-4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับจ่ายค่าเคลมให้ผู้เอาประกันได้ทันเวลา

โดยตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงปัจจุบัน บริษัทประกันวินาศภัย มียอดเคลมโควิดเข้ามาแล้ว 9,000 ล้านบาท โดยเฉพาะช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.ที่มียอดเข้ามาสูงมาก และคาดว่าเดือนก.ย.นี้ น่าจะมีเข้ามาอีกรวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 12,000 ล้านบาท

คปภ. ยันฐานะประกันแกร่ง

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคปภ. เปิดเผยว่า คปภ.เตรียมแนวทางผ่อนปรนเกณฑ์ช่วยเหลือทางการเงินเพื่อให้บริษัทประกันเพื่อเดินหน้าต่อได้ และมีมาตรการทางกฎหมายรองรับเพื่อให้สามารถคุ้มครองสิทธิประโยชน์ต่อประชาชนให้ดีที่สุด

ดังนั้นขอให้ประชาชน ไม่ต้องกังวล ขอให้ทำธุรกรรมด้านประกันตามปกติ เพราะตอนนี้เรื่องต่างๆอยู่ในมือหมอหมดแล้ว จึงไม่ต้องตื่นตระหนก

“จากการทดสอบสภาวะวิกฤติของบริษัทประกันภัยล่าสุด ยังไม่พบความเสี่ยงในเชิงระบบ แต่อาจมีบางรายได้ที่รับผลกระทบจากโควิดบ้าง ซึ่ง คปภ.ก็เข้าไปดูแลแล้ว และจากการตรวจสอบอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุน (คาร์ เรโช) บริษัทรายนั้นในเดือนส.ค.2564 ก็ยังสูงกว่าเกณฑ์ทีกำหนด แต่เพื่อไม่ประมาท คปภ.จะดูถึงแนวโน้มในอนาคตด้วย”

เข้าตรวจสอบประกันเลิกจ้าง

ส่วนกรณีมีบริษัทประกันวินาศภัย 1 รายที่กำลังเปิดรับประกันภัยโควิดเจอจ่ายจบ เผชิญปัญหาขาดสภาพคล่อง มีการปลดคนงาน รวมถึงถูกลูกค้าร้องเรียนปัญหาจ่ายค่าสินไหมล่าช้านั้น

นายสุทธิพล กล่าวว่า คปภ. ได้ประชุมและส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามบริษัทดังกล่าว พร้อมกับเข้าตรวจสอบและควบคุมเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนแล้ว    ดังนั้น ขอให้ประชาชนที่ซื้อประกันภัย ไม่ว่าจะบริษัทใด ไม่ต้องกังวล หากต้องการเคลมไม่ว่าจะเป็นประกันภัยโควิด หรือประกันภัยประเภทอื่น ยังสามารถยื่นเคลมกับบริษัทที่ซื้อไว้ทุกแห่งได้ตามปกติ

หากพบปัญหาหรือจ่ายเคลมล่าช้าสามารถร้องเรียนที่ คปภ.โดยกรณีเคลมประกันโควิดเจอจ่ายจบ หากเอกสารครบถ้วนบริษัทจะต้องจ่ายค่าสินไหมภายใน 15 วัน ส่วนการชดเชยรายวันกำลังหารือถึงรายละเอียดเกี่ยวกับใบรับรองแพทย์ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันอยู่

เอเชียประกันยันไม่เลิกกิจการ

นายจุลพยัพ ศรีกาญจนา ประธานคณะกรรมการ บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เลิกจ้างพนักงานเป็นความจริง ซึ่งเป็นนโยบายที่บริษัทดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน เพื่อคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจในแต่ละช่วงเวลาอย่างเหมาะสม 

ขอยืนยันว่า บริษัทไม่ได้มีปัญหากรณีเลิกกิจการแต่อย่างใด และยังดำเนินการจ่ายสินไหมประกันโควิด-19 ตามเกณฑ์ที่คปภ.กำหนดภายใน 15 วัน อีกทั้งยังมีเงินกองทุน ณ ส.ค.2564 ที่กว่า 140% ยังสูงกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดและมีสภาพคล่องและสินทรัพย์เพียงพอบริหารจัดการจ่ายสินไหม