AEONTS ไตรมาส 2/64 กำไร 678 ล้านบาท ลดลง 30% เหตุตั้งสำรองรับมือโควิด
AEONTS ไตรมาส 2/64 กำไร 678 ล้านบาท ลดลง 30% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นเพื่อรับมือความเสี่ยงโควิด-การหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ครึ่งแรกปี 64 กำไร 1,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22%
บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกของปีบัญชี 2564 บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานรวม 2,351 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 528 ล้านบาท หรือร้อยละ 29 จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ในครึ่งปีแรกมีจำนวน 1,828 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 331 ล้านบาท หรือร้อยละ 22 จากงวดเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 7.31 บาท
และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ในไตรมาส 2 ปี 2564 จำนวน 678 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30 จากปีก่อน เนื่องจากมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค.2564 โดยเป็นการสำรองไว้เพื่อปัจจัยความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้จากหนี้สูญรับคืนที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและยังสามารถควบคุมค่ใช้จ่ายและต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากงบการเงินรวม 10,386 ล้านบาท ลดลง 655 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากงบการเงินรวม 5,344 ล้านบาท ลดลง 40 ล้านบาท หรีอร้อยละ 1 จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากไตรมาสก่อน รายได้ที่ลดลงเป็นผลจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงจากร้อยละ 18 เหลือร้อยละ 16 ต่อปี และลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลลงจากร้อยละ 28 เหลือร้อยละ 25 ต่อปี ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2563
และการปิดสถานที่ชั่วคราวตามมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเดือน ก.ค. และ ส.ค. ส่งผลให้บริษัทต้องปิดสาขาในห้างสรรพสินค้าชั่วคราวจำนวน 57 สาขา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ เน้นส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์และการถอนเงินสดโดยไม่ใช้บัตร (Cardless Cashing) รวมแล้วการใช้จ่ายบัตรเครดิตช่องทาง Online เติบโตกว่าเท่าตัว และการใช้ Cardless Cashing คิดเป็นสัดส่วนกว่าร้อยละ 30 ของยอดเงินกู้รวม ทั้งนี้บริษัทฯ ยังมีรายได้อื่นจากหนี้สูญรับคืนเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 จากปีก่อน
ณ วันที่ 31 ส.ค.2564 บริษัทฯ มีส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 18,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,074 ล้านบาท หรือร้อยละ 6 จาก ณ สิ้นปีบัญชี 2563 ทั้งนี้ มูลค่าทางบัญชี ณ วันที่ 31 ส.ค.2564 เท่ากับ 72.6 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจาก 68.2 บาท ณ วันที่ 28 ก.พ.2564
ณ วันที่ 31 ส.ค.2564 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E ratio) เท่ากับ 3.7 เท่า ลดลงจาก 4.0 เท่า ณ สิ้นปีบัญชี 2563 โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวม (ROA) อยู่ที่ร้อยละ 20.8 และร้อยละ 4.2 ตามลำดับ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ในอัตรา 2.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลร้อยละ 34.2 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 19 ต.ค.2564 (จะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลวันที่ 18 ต.ค.2564) และให้กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 2 พ.ย.2564