KTC ลุ้นปี65 กำลังซื้อฟื้น-เปิดประเทศ ดันยอดใช้จ่ายบัตรกลับมาโต8-10%

นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร-ธุรกิจบัตรเครดิต บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า ปี 2565 บริษัทตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโต 8-10%  จากปีนี้คาดอยู่ที่ 195,000 ล้านบาท และมียอดบัตรเครดิตใหม่ที่ 250,000 บัตร ตามปกติ เนื่องจากคาดกำลังซื้อกลับมา จากการเร่งฉีดวัคซีน ผู้ประกอบการกลับมาเปิดธุรกิจ คนมีรายได้เพิ่ม การจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นตาม และหากเปิดประเทศ ทำให้ท่องเที่ยวดีขึ้น จากยอดใช้จ่ายหมวดท่องเที่ยวยังติดลบ 50%ในปีนี้ 

ทั้งนี้ ปีหน้าการทำการตลาด ยังเน้น 7 หมวดลูกค้าที่นิยมใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและจำเป็น คือ การรับประทานอาหาร  ซูเปอร์มาร์เก็ต ดิลิเวอร์รี่  ชอปปิงออนไลน์  โรงพยาบาล และประกัน  โดยพยายามมีพันธมิตรหลากหลายมากที่สุด ทำหมวดใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น และเตรียมความพร้อมร่วมกับพันธมิตรทางด้านท่องเที่ยว หากกลับมาเปิดประเทศก็สามารถทำตลาดได้ทันที ปกติบริษัทใช้งบแคมเปญการตลาดปีละ800-900ล้านบาท 

ส่วนในปีนี้ บริษัทคาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯน่าจะติดลบ 1-2% คิดเป็น 195,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่ 197,000 ล้านบาท  ถือว่าต่ำกว่าเป้าเดิมที่คาดโต 8%  

 “แม้หลังรัฐผ่อนคลายล็อกดาวน์เมื่อ 1 ก.ย. ที่ผ่านมาและทยอยออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปีนี้ รวมถึงอัดแคมเปญบัตรฯ แล้วยอดใช้จ่ายบัตรฯ คาดน่าจะกลับมาโตเพียง 1-2% ในไตรมาส 4 ปีนี้ มียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อบัตรที่ 7,000 บาท ด้วยผลกระทบโควิดทำให้ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ยังเห็นติดลบอยู่ และยอดบัตรฯใหม่คาดต่ำเป้าที่วางไว้ 230,000 บัตรในปีนี้” 

แต่อย่างไรก็ตามเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายบัตรฯ โค้งท้ายปีนี้ บริษัทเดินหน้าทุ่มงบการตลาดกว่า 300 ล้านบาท  อัดแคมเปญผ่านบัตรฯ ทั้งแลกคะแนนและกิจกรรมอื่นๆ  ล่าสุด  ออกแคมเปญใหญ่ “KTC มีแต้มต่อ” เป็นโอกาสสำคัญในรอบปีที่คะแนน KTC FOREVER   ร่วมกับมากกว่า 170 พันธมิตรร้านค้าในหมวดใช้จ่ายสำหรับชีวิตประจำวัน  ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค-31 ธ.ค. 2564 โดยเน้นที่หมวดร้านอาหาร และ ชอปปิง ซึ่งเป็นหมวดที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงปลายปี

ปัจจุบันบริษัทมีฐานสมาชิกบัตรเครดิตกว่า 2.5 ล้านบัตร มีจำนวนคะแนน KTC FOREVER ทั้งสิ้นกว่า 12,000 ล้านคะแนน สำหรับไตรมาส 4 เป็นช่วงที่มีการแลกคะแนนสูงกว่าไตรมาสอื่ ๆ คาดว่าสมาชิกจะให้การตอบรับแคมเปญ “KTC มีแต้มต่อ” อย่างดี ส่งผลให้จำนวนการแลกคะแนนมากขึ้น 20% หรือ 2,000 ล้านคะแนนในไตรมาส 4 นี้ จากเป้าทั้งปีนี้วางไว้ที่ 5,000 ล้านคะแนน