โบรกคาด "หุ้นแบงก์" ไตรมาส 3/64 คว้ากำไร 3 หมื่นล้าน เชียร์ซื้อ KBANK-SCB
"บล.เอเซีย พลัส" คาด 6 แบงก์ใหญ่ไตรมาส 3/64 กำไร 3 หมื่นล้าน โต 40.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุ ตั้งสำรองลด แต่หากเทียบกับไตรมาส 2/64 ลดลง 9.3% จากผลกระทบโควิด ชี้ เป็นไตรมาสต่ำสุดของกลุ่มแบงก์ปีนี้ “บล.กสิกรไทย” เชื่อไตรมาส 4 ฟื้นตัว
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ เตรียมประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2564 ในช่วงกลางเดือน ต.ค.2564 โดย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส คาดว่า บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จะประเดิมรายแรกวันที่ 14 ต.ค. ถัดมา ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และ ธนาคารกรุงไทย (KTB) คาดว่าจะประกาศงบระหว่าง 18-21 ต.ค. ฯลฯ
นายภาสกร หวังวิวัฒน์เจริญ ผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า คาดการณ์กำไรสุทธิของ 6 ธนาคารใหญ่ ในไตรมาส 3 ปี 2564 ได้แก่ BBL KBANK KKP KTB SCB และ TISCO จะอยู่ที่ 30,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.6% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 21,353 ล้านบาท จากต้นทุนการตั้งสำรองที่ต่ำลง แต่จะลดลง 9.3%เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2564 จากภาพเศรษฐกิจที่ถูกกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง ขณะที่งวด 9 เดือนปี 2564 คาดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 32.8% อยู่ที่ 99,564 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 74,985 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี คาดว่านักลงทุนรับรู้ปัจจัยลบด้านผลการดำเนินงานไปแล้ว แต่คาดว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับจำนวนลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือรอบใหม่ ดอกเบี้ยค้างรับ และนโยบายการตั้งสำรองของแต่ละธนาคารมากกว่า รวมถึงให้น้ำหนักกับผลการดำเนินงานปี 2565 ที่คาดว่าจะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 และคาดว่าจะดีกว่าปี 2564 โดยเชื่อว่าไตรมาส 3 ปี 2564 ที่ผ่านมาเป็นจุดต่ำสุดของกลุ่มธนาคารแล้ว
ทั้งนี้ สำหรับการลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร แนะนำ “ซื้อ” เพราะมูลค่า (Valuation) ของกลุ่มยังค่อนข้างถูก สะท้อนจากราคาต่อมูลค่าทางบัญชี (P/BV) เฉลี่ยของกลุ่มที่ 0.7 เท่า โดยเลือก KBANK SCB และ TISCO เป็นหุ้นเด่น สำหรับ KBANK และ SCB ได้ปัจจัยบวกจากการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัล อีกทั้งพอร์ตสินเชื่อส่วนใหญ่กระจายอยู่ในกลุ่มท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ราคาเหมาะสม 154 บาทต่อหุ้น และ 136 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ
นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทคาดการณ์กำไร 7 ธนาคารไตรมาส 3 ปี 2564 ได้แก่ BBL KKP KTB SCB TISCO ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) และธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) จะเพิ่มขึ้นราว 5-10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แต่จะลดลงราว 10-20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลงจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ในเดือน ก.ค.-ส.ค. รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมแย่ลงจากการปิดสาขาช่วงล็อกดาวน์
ทั้งนี้ไตรมาส 4 ปี 2564 คาดว่าจะดีขึ้น โดยเห็นแนวโน้มการฟื้นตัวตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยหลักมาจากค่าธรรมเนียมที่เข้าสู่ฤดูกาลขาย เช่น ค่าธรรมเนียมกองทุนลดหย่อนภาษี รวมถึงค่าธรรมเนียมประกันลดหย่อนภาษี เป็นต้น
สำหรับการลงทุน แนะนำ BBL เนื่องจากราคาปรับขึ้นช้าที่สุด (แลกการ์ด) เมื่อเทียบกับหุ้นธนาคารอื่นในกลุ่ม ราคาเหมาะสม 150 บาทต่อหุ้น ถัดมาแนะนำ SCB ได้ปัจจัยบวกจากการปลดล็อกมูลค่าธุรกิจย่อย เช่น ธุรกิจบัตร (Card X) ผ่านการจัดตั้งโฮลดิ้ง ซึ่งช่วยให้บริษัทปรับตัวได้เร็ว และคาดว่าจะถูกดิสรัปน้อยที่สุด ราคาเหมาะสม 139 บาทต่อหุ้น และ TISCO จากพอร์ตลูกหนี้ที่เข้าร่วมมาตรการน้อยที่สุด คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วหลังโควิด-19 ราคาเหมาะสม 112 บาทต่อหุ้น