"ซีเมนส์ โมบิลิตี้" หนุนนโยบายลดคาร์บอน ชูนวัตกรรมระบบขนส่งมวลชน
ซีเมนส์ โมบิลิตี้ หนุนนโยบายลดปริมาณคาร์บอนให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 ชูนวัตกรรมระบบขนส่งมวลชน ดันไทยสู่ศูนย์กลางเศรษฐกิจชั้นนำของเอเชีย
นายโธมัสค์ มาซัวร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า “ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ได้มีส่วนสำคัญอย่างมากในการเป็นฟันเฟืองหนึ่งเพื่อพัฒนาและขับเคลื่อนการเดินทางของคนไทยให้ง่ายและสะดวกขึ้น ตอบโจทย์ชีวิตคนในเมือง ลดปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพฯ ผ่านการพัฒนานวัตกรรมระบบขนส่งที่รองรับการเดินทางหลายประเภท และการพัฒนาโครงสร้างการขนส่งระบบรางของประเทศไทยให้ครอบคลุม
โดยซีเมนส์ โมบิลิตี้ ยังได้ส่งมอบสุดยอดเทคโนโลยีด้านคมนาคมขนส่งระบบรางและระบบควบคุมระดับสูง ควบคู่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโนบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นส่งเสริมพัฒนาการขับเคลื่อนระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility) เพื่อสร้างระบบขนส่งที่มีความยืดหยุ่น เข้าถึงง่าย และสะดวกสบาย
ทั้งนี้ที่ผ่านมาซีเมนส์ โมบิลิตี้ มีประสบการณ์การบริหารจัดการโครงการต่างๆ ด้านระบบรางในประเทศไทยมากว่า 20 ปี ผ่านโครงการต่างๆ จำนวนมาก โดยการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบคมนาคมขนส่งในประเทศที่เชื่อมโยงเข้าหากันอย่างไร้รอยต่อ ด้วยการนำสุดยอดเทคโนโลยีด้านคมนาคมขนส่งระบบรางและระบบควบคุมระดับสูงที่หลายเมืองชั้นนำในโลกใช้
ไม่ว่าจะเป็น รถไฟ VDE 8 ในประเทศเยอรมัน ที่ช่วยลดอัตราการเดินทางจากเบอร์ลินถึงมิวนิค จาก 6 ชั่วโมง เหลือเพียง 4 ชั่วโมง รถไฟฟ้า Velaro RUS ในประเทศรัสเซียที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานในสภาพอากาศที่รุนแรงของรัสเซีย พร้อมวิ่งระหว่างเมืองเซนส์ปีเตอร์เบิร์กถึงมอสโคระยะทาง 650 กิโลเมตรด้วยเวลาเดินทางเพียง 3.5 ชั่วโมง หรือแม้กระทั่งรถไฟ Desiro City ในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ 115 ขบวน เป็นจำนวนตู้ทั้งหมด 1,140 ตู้ ฯลฯ เพื่อยกระดับการเดินทางและพัฒนาขับเคลื่อนให้ทุกการเดินทางของคนไทยง่ายขึ้น สะดวกขึ้นและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับนโนบายของรัฐบาลที่มุ่งเน้นส่งเสริมและพัฒนาการขับเคลื่อนระบบขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility)
โดย ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ได้ดำเนินการพัฒนาโครงข่ายการขนส่งระบบรางในประเทศไทยในหลากหลายโครงการ อาทิ
1.รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ถือเป็นหนึ่งเรื่องราวความสำเร็จของซีเมนส์ โมบิลิตี้ ในฐานะที่เป็นการขนส่งแบบครบวงจรแห่งแรกที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทย โดยซีเมนส์ โมบิลิตี้ ได้ปรับปรุงระบบของ BTS ให้ทันสมัยโดยใช้เทคโนโลยีควบคุมระบบรางอัตโนมัติ ตั้งแต่การเปิดให้ใช้บริการครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ประกอบไปด้วยสถานีทั้งหมด 59 สถานี รวม 2 เส้นทาง คือ สายสุขุมวิท ให้บริการจากเคหะสมุทรปราการ ถึงคูคต และสายสีลม
2.MRT สายสีน้ำเงิน (สายเฉลิมรัชมงคล) ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของ ซีเมนส์ โมบิลิตี้ที่ช่วยเชื่อมต่อการคมนาคมช่วยทำให้ชีวิตของคนไทยสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันรวมสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายทั้งหมดจะมี 38 สถานี ประกอบไปด้วยช่วงหัวลำโพง - บางซื่อ ช่วงหัวลำโพง - บางแค ช่วงบางซื่อ - ท่าพระ ซึ่งเป็นโครงสร้างทางวิ่งผสมทั้งใต้ดินและยกระดับ
3.ทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีขนส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง (Suvarnabhumi Airport Rail Link and City Air Terminal)
4.โครงการรถไฟทางคู่ “จิระ-ขอนแก่น” ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ทางซีเมนส์ โมบิลิตี้ ได้เข้ามาดูแลงานออกแบบและติดตั้ง ระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม ระยะทาง 187 กิโลเมตร 26 สถานีโดยใครงการนี้จะเป็นรากฐานสำคัญในการขยายโครงข่ายสายทางคู่ให้ครอบคลุมทั่วภาคอีสาน
5.ระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover : APM) ซึ่งจะพร้อมใช้บริการในปี 2565 นี้ ถือเป็นรถไฟฟ้ารางเบาล้อยางไร้คนขับคันแรกของประเทศไทยที่ผลิตโดยซีเมนส์ โมบิลิตี้ ที่นำมาวิ่งใต้อุโมงค์เพื่อเชื่อมระหว่างอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเดิมกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรืออาคารแซทเทิลไลท์ 1 (แซทเทิลไลท์ วัน)
นอกจากนี้ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาที่ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ยังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาโดยได้ร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ตั้งแต่ปี 2556 จัดทำโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ หรือ Dual Education Program ในการยกระดับและพัฒนาทักษะวิชาชีพของนักศึกษาอาชีวศึกษาในหลากหลายวิทยาลัยและสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อรองรับตำแหน่งงานในอนาคต ตลอดจนยังได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในการจัดทำหลักสูตรเกี่ยวกับรถไฟและระบบขนส่งทางราง โดยจัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมบรรยายให้ความรู้แก่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆ
“ในปี 2564 เป็นต้นไป ซีเมนส์ โมบิลิตี้ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบรถไฟ และระบบรางให้อัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบด้วยระบบดิจิทัล ซีเมนส์ โมบิลิตี้ และยังมีนโยบายด้านการบริหารงานและดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อลดปริมาณคาร์บอนให้เป็นศูนย์ให้ได้มากที่สุดและมุ่งหวังให้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรม” โธมัสค์ กล่าวทิ้งท้าย