"ซีพี" ผนึกพันธมิตรประกาศเจตนารมณ์สู้วิกฤติโลกร้อน
ซีพีจับมือกลุ่มธุรกิจในเครือ ประกาศเจตนารมณ์สู้วิกฤติโลกร้อน พร้อมภาคเอกชนชั้นนำไทย บนเวทีประชุมสุดยอดผู้นำไทย “GCNT Forum 2021: Thailand’s Climate Leadership Summit 2021” มุ่งเป้าพลิกเศรษฐกิจไทยสู่ยุค Net Zero
สมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (GCNT) ร่วมกับสหประชาชาติ (UN) จัดงานการประชุมสุดยอดระดับผู้นำของประเทศไทย “GCNT Forum 2021: Thailand’s Climate Leadership Summit 2021” เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2564 ภายใต้แนวคิด “A New Era of Accelerated Actions” รวมพลังองค์กรสมาชิกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กฯ ซึ่งเป็นภาคีเครือข่ายด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ จัดเสวนาพร้อมร่วมประกาศเจตนารมณ์ว่าด้วย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ผ่านรูปแบบออนไลน์ มีผู้นำจากภาครัฐ ประชาสังคม และภาคเอกชนจากหลายองค์กรเข้าร่วม
บริษัทและกลุ่มธุรกิจในเครือซีพี ได้เข้าร่วมพิธีประกาศเจตนารมณ์ครั้งสำคัญในการร่วมยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศด้วย เพื่อร่วมเดินหน้าเร่งลงมือทำอย่างจริงจังและวัดผลได้ในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีนายนพปฎล เดชอุดม ประธานคณะผู้บริหารด้านความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นผู้แทนเครือซีพีร่วมประกาศเจตนารมณ์ครั้งนี้
นายศุภชัย เจียรวนนท์ นายกสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย และประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี กล่าวแสดงความมุ่งมั่นและความตั้งใจจริงของ GCNT ในการให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วนต่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ภาคธุรกิจจะต้องเป็นผู้นำและร่วมสนับสนุนภาครัฐในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ โดยเฉพาะการขยายผลยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ BCG หรือ Bio-based, Circular และ Green Economy อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการสนับสนุนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ พลังงานสะอาด อุตสาหกรรมพื้นฐาน ชีวภาพ และธุรกิจมูลค่าสูงที่สร้างมลพิษต่ำ
ขณะนี้สมาชิกของ GCNT ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ และที่กำลังจะมีขึ้นเพื่อช่วยขับเคลื่อนลดภาวะโลกร้อนและช่วยด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้ประเทศไทยได้อย่างเป็นรูปธรรมแล้วจำนวน 510 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 420,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ หัวใจสำคัญของการปฏิรูปที่เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันและแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือ การส่งเสริมความโปร่งใสผ่านตัวชี้วัดด้วยการจัดทำรายงานการจัดการความยั่งยืนขององค์กรธุรกิจต่างๆในทุกปีด้วย ตลอดจนการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะมีขึ้นในอนาคต
“เราต้องเร่งมือ เร่งการปรับเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจไทย สู่ยุค Net Zero ให้เร็วที่สุด ให้เป็น Race to Zero อย่างแท้จริง ด้วยระบบเศรษฐกิจและสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาด ต้องเร่งมือเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจสีเขียวที่เป็นธรรมแก่คนทุกกลุ่ม ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ”นายศุภชัยกล่าว
ทั้งนี้ ในงานเสวนาและประกาศเจตนารมณ์สู้วิกฤตโลกร้อน “GCNT Forum 2021: Thailand’s Climate Leadership Summit 2021” เครือซีพี โดยนายสมเจตนา ภาสกานนท์ ผู้อำนวยการด้านพัฒนาความยั่งยืน สำนักบริหารความยั่งยืน ธรรมาภิบาลและสื่อสารองค์กร ซีพี ได้เป็นผู้แทนเครือฯ เข้าร่วมเสวนาหัวข้อ “บทบาทของนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการแก้ปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
นายสมเจตนา กล่าวว่า เครือซีพีได้แสดงความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืน โดยกลุ่มธุรกิจของซีพีทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และนอกตลาดหลักทรัพย์ได้ตั้งเป้าในการนำธุรกิจทั้งหมดบรรลุสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2573 เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงนี้ โดยที่ผ่านมาเครือซีพีได้ร่วมปฏิบัติการแข่งขันเพื่อคาร์บอนเป็นศูนย์ หรือ Race to Zero ของสหประชาชาติ โดยมีการดำเนินการ อาทิ การใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น การชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกส่วนที่เหลือ ด้วยการสนับสนุนส่งเสริมการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าเพื่อดูดซับก๊าซเรือนกระจกในระยะยาว
รวมทั้งนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาทำงานร่วมกับคู่ค้า เกษตรกร และผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการบริหารจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้มากขึ้นในกระบวนการการจัดซื้อวัตถุดิบทางการเกษตรเข้ามาผลิตสินค้าของซีพี
นายสมเจตนา กล่าวว่า ซีพีได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการร่วมแก้ปัญหาโลกร้อนในกระบวนการผลิตต่างๆ ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ด้วยการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุดรวมถึงการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดยตั้งเป้าหมายการลดขยะอาหารและของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบให้เป็นศูนย์ และบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ทั้งหมดนำกลับมาใช้ซ้ำหรือย่อยสลายได้
ทั้งนี้การประกาศเจตนารมณ์ของภาคเอกชนในการร่วมจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะประสบความสำเร็จได้ต้องมีการนำนวัตกรรมมาช่วยแก้ปัญหา Climate Change และต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ หรือ Mindset ด้วยการสร้างและทดลองธุรกิจใหม่ๆเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมยุค Net Zero ตลอดห่วงโซ่อุปทาน