คลังดึงฐานประกันสังคมกำหนดเงื่อนไขถือบัตรคนจน

คลังดึงฐานประกันสังคมกำหนดเงื่อนไขถือบัตรคนจน

คลังประสานกระทรวงแรงงานนำข้อมูลผู้อยู่ในเครือข่ายประกันสังคมเป็นฐานข้อมูลก่อนนำไปสรุปเงื่อนไขการลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ เพื่อให้สามารถคัดกรองคนที่จนจริงๆ ให้ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐเท่านั้น

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังเร่งประสานข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาพิจารณาเงื่อนไขการเปิดลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ เพื่อให้สามารถคัดกรองบุคคลที่เหมาะสมจะได้รับสวัสดิการรัฐเพิ่มเติม

ทั้งนี้ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นั้น ในแต่ละปีโครงการนี้ใช้งบประมาณเกือบ 5 หมื่นล้านบาท และครอบคลุมคนที่ได้รับประโยชน์ 14.6 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาจากการสำรวจของกระทรวงการคลัง พบว่า ผู้ที่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบางคน แม้ตัวเองจะมีรายได้ต่ำไม่เกิน 1 แสนบาท/ปีก็ตาม แต่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะดี มีบ้านหลังใหญ่

ดังนั้น กระทรวงการคลัง จึงจำเป็นต้องหาหลักเกณฑ์ในการคัดกรองคนที่สมควรได้รับความช่วยเหลือจากรัฐจริงๆ เช่น การใช้ เกณฑ์รายได้ของครอบครัวมาประกอบในการพิจารณาให้สวัสดิการแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง  ซึ่งมีหลายประเทศก็ใช้เกณฑ์รายได้ครอบครัวในการให้สวัสดิการแก่บุคคล เช่น ประเทศแอฟริกาใต้ เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการใช้เกณฑ์รายได้ของครอบครัวมาเป็นตัวกลั่นกรองคนที่สมควรได้รับสวัสดิการนั้น จำเป็นต้องมีข้อมูลมากเพียงพอ เพื่อไม่ให้กระทบต่อคนจนที่อาจถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจาก หลักเกณฑ์ไม่มีความชัดเจน

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ได้ประสานข้อมูลกับกระทรวงแรงงาน เพื่อขอข้อมูลประกันสังคมของบุคคลที่จะยื่นลงทะเบียนเพื่อรับบัตรสวัสดิการ ซึ่งจะทำให้ทราบข้อมูลด้านสภาพการจ้างงาน

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า ข้อมูลรายได้ที่จัดเจนที่สุด คือ ข้อมูลการยื่นเสียภาษีของบุคคล  ซึ่งปัจจุบันมีบุคคลธรรมดา ยื่นแบบเพื่อแสดงรายได้เพื่อเสียภาษีเพียง 11 ล้านคน จากคนที่มีงานทำเกือบ  40 ล้านคน เนื่องจากกรมสรรพากรไม่ได้กำหนดให้ทุกคนต้องยื่นแบบแสดงรายได้เพื่อประเมินภาษี โดยหากมีรายได้ต่ำกว่า 120,000 บาท ไม่จำเป็นต้องยื่นแบบเพื่อประเมินภาษี

สำหรับ สิทธิประโยชน์ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับเงินในบัตรคนละ 300 บาท/เดือนในกรณีที่มีรายได้ต่อปีไม่เกิน 3 หมื่นบาท และกรณีที่มีรายได้ต่อปีเกิน 3 หมื่นบาทแต่ไม่เกิน 1 แสนบาท จะได้รับเงินในบัตร 200 บาท/เดือน ,ได้รับเงินที่เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยรถยนต์สาธารณะ เดือนละไม่เกิน 500 บาท , และให้ใช้ไฟฟ้าฟรี 50 หน่วยต่อเดือน และสนับสนุนค่าน้ำประปา100 บาท/เดือน