เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อน เข้าสู่ช่วงประกาศงบหนุนการเก็งกำไรรายตัว

เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อน เข้าสู่ช่วงประกาศงบหนุนการเก็งกำไรรายตัว

กลุ่มสถาบันการเงินเริ่มรายงานผลประกอบการเป็นกลุ่มแรก หุ้นสหรัฐ ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งจาก 1) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ก.ย.ปรับตัวขึ้น 0.5% (น้อยกว่าตลาดคาดที่ 0.6%)

และชะลอลงจาก ส.ค.ที่ 0.7% เป็นสัญญาณบวกกว่าเงินเฟ้ออาจเริ่มชะลอ 2) ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่า 3 แสนรายเป็นครั้งแรกนับจากมี.ค.63 3) การรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่หลายแห่ง ออกมาแข็งแกร่ง // สำหรับหุ้นไทย ธนาคาร TISCO รายงานผลประกอบการเป็นบริษัทแรกในไตรมาส 3/64 โดยมีกำไร 1,560 ล้านบาท (-6.3% QoQ และ -3.2% YoY) ซึ่งใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยผลประกอบการกลุ่มธนาคารใหญ่มีแนวโน้มที่จะดีกว่ากลุ่มธนาคารขนาดกลาง-เล็ก และด้วย Valuation ของกลุ่มธนาคารที่ต่ำโดยเปรียบเทียบ ทำให้กลุ่มธนาคารยังคงน่าสนใจ โดยหุ้นเด่น (Top pick) ในกลุ่มนี้ของเราคือ KBANK และ BBL

ลดเคอร์ฟิวเป็นบวกกับหุ้นเปิดเมืองที่เน้นกำลังซื้อในประเทศ ศบค.มีมติทยอยเพิ่มระดับการผ่อนคลายการควบคุมสถานการณ์โควิด ซึ่งรวมถึงการลดพื้นที่สะแดงเข้มเหลือ 23 จังหวัด (จาก 30 จังหวัด), ปรับลดเวลาห้ามออกนอกเคหะสถานเป็น 23.00-03.00 น. (จาก 22.00-04.00 น.), ให้ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสด เปิดบริการได้ถึง 22.00 น., อนุญาตให้จัดงานแสดงสินค้าและใช้ศูนย์ประชุมไม่เกิน 500 คน, อนุญาตให้เปิดสนามกีฬา-สวนสาธารณะ เป็นต้น  ทั้งนี้มาตรการโดยรวมเป็นบวกกกับหุ้นเปิดประเทศในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากความต้องการที่อั้นไว้ และจากกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่สอดคล้องกับมุมมองของเรา อีกทั้งไม่อิงการเปิดประเทศหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งอาจใช้เวลา หุ้นในกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ CPN, CRC, CPALL, IMPACT , MAJOR, ZEN, M ขณะเดียวกันกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะส่งผลบวกกับหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นและสถานีบริการน้ำมัน ไม่ว่าจะ TOP, ESSO, SPRC, PTG

ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) กลุ่มโภคภัณฑ์ป้องกันเงินเฟ้อ PTTEP, PTTGC, IVL, TOP, BANPU 2) การเพิ่มเพดานหนี้เป็น 70% และแผนกู้เงินเพิ่ม จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรขยับขึ้น ซึ่งบวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH, THRE, BLA 3) หุ้นธีมเปิดเมืองยังน่าสนใจแม้อาจย่อจากมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการผ่อนคลายกทม.ที่น่าจะล่าช้าไปจาก 15 ต.ค. CPN, CRC, MINT, CENTEL, ERW, BA 4) เรามองทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 5) เก็งกำไรทางเทคนิค WIIK, FORTH, FSMART, TNP, TWPC, NER, HFT, BEC, CPI, TKS, SKN, MAJOR, CPN, ERW

ภาพรวมกลยุทธ์: ระวังความผันผวนหุ้นกลุ่มการเงินจากการเปลี่ยนกฎเกณฑ์กำกับดูแล (รับฟังความเห็น 20 ต.ค.) ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนลง และการเข้าสู่ช่วงประกาศงบ เป็นปัจจัยบวกหนุนการเลือกเก็งกำไรรายตัว ภาพรวมยังมองเป็นการเดินหน้าขึ้นทดสอบ 1,660-1,680 จุด โดยเป็นการสลับขึ้นลงของกลุ่มเปิดเมือง และกลุ่มอื่นๆ //หุ้นแนะนำ: KEX*, MAJOR*, SFT*, GLOCON*

แนวรับ: 1,635/ แนวต้าน : 1,650-1,660 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%

 

 

ประเด็นการลงทุน

MAKRO - เดินหน้ารับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์แล้วเสร็จภายใน 1-3 สัปดาห์ พร้อมจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP) เพื่อเป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการทั้งหมด เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน ดันฟรีโฟลทเพิ่ม

TOP - ชี้เปิดเมืองดันดีมานด์น้ำมันเครื่องบินขึ้นทันที 70 ล้านลิตร/เดือน สู่ระดับ 200 ล้านลิตร จ่อเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเครื่องบินจากสัดส่วน 8-9% เผยราคา LNG พุ่งมีโอกาสโรงไฟฟ้าหันมาใช้น้ำมันเตาเพิ่ม

COMAN – จัดตั้งบริษัทย่อย โคแมน คริปโต จำกัด 

GSC – พลาคม ชัยกิตติศิลป์ ลาออกจากประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ มีผล 16 พ.ย.64

SPA – รายงานการเข้าเซ็นสัญญาให้บริการสปาเพิ่มเติมในโรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ วีรันดา บีช พัทยา และโนโวเทล ประตูน้ำ

หุ้นที่มีโอกาสติด Cash balance - ได้แก่ SOLAR, FANCY, U, NWR, ARIN, SANKO, CRD

 

ประเด็นติดตาม: -  17 ต.ค. วันสุดท้ายทูลเกล้ารัฐธรมมนูญใหม่ / 20 ต.ค. รับฟังความเห็นประกาศเรื่องสัญญากลุ่มเช่าซื้อ

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)